คลี่ปมงาบในสจล. โฉ่ซํ้า-ซื้ออุปกรณ์ จ่ายทั้งที่ไม่ได้ของ

กองปราบฯเตรียมเรียกอดีตอธิการบดี สจล. อีกครั้งขอทราบรายละเอียดทรัพย์สินที่ยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ขณะดำรงตำแหน่ง ถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สินที่แจ้ง ส่วน “บอส” ที่ถูกซัดทอดว่าเป็นตัวการ อาจมีมากกว่า 1 คน ยังอยู่ในประเทศ แต่หลักฐานยังไปไม่ถึง เลยบอกรายละเอียดไม่ได้ เพราะกลัวไหวตัว ทำให้ตามเงินกลับคืนมาได้ไม่มาก ต้องรอจับ “กิตติศักดิ์ มัทธุจัด” ตัวขับเคลื่อนคนสำคัญให้ได้เสียก่อน จึงจะรู้ผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด คดีโกงเงินใน สจล.ยังไม่ทันจบ มีเรื่องใหม่มาอีก สจล. สั่งของไม่ยอมตรวจนับว่าครบหรือไม่ แต่จ่ายเงินไปแล้วเกือบ 2 ล้านบาทในช่วงปี 55

จากกรณีกองปราบปรามเข้าสืบสวนคลี่คลายคดีโกงเงินกองกลางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) 1,494 ล้านบาท จับกุมผู้ร่วมขบวนการได้จำนวนหนึ่ง อายัดบัญชีธนาคาร และทรัพย์สินไว้ตรวจสอบจำนวนมาก แต่ยังเหลือนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาคนสำคัญ ที่ไหวตัวทันหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ตำรวจกำลังประสานงานนำตัวกลับมาดำเนินคดี เพื่อจะได้รู้ว่าใครคือผู้บงการและผู้ร่วมขบวนการมีใครอีกบ้าง

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ม.ค. พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป.หัวหน้าคณะชุดทำงาน สอบสวนในคดีโกงเงิน สจล. เปิดเผยความคืบหน้าในคดีว่า หลังจากประชุมคณะทำงานไปเมื่อวานนี้ และได้มีการแบ่งงานไปแล้วนั้น โดยตนสั่งให้พนักงาน สอบสวนติดตามตัวพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ที่ใกล้ชิดกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ ถูกทางธนาคารให้ออก 1 ราย และอีก 1 รายให้ลดขั้น มาสอบสวนถึงเรื่องที่ถูกธนาคารให้ออก ว่าเกี่ยวข้องกับนายทรงกลดอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของผู้ที่ใกล้ชิดกับนายทรงกลดว่าขณะนั้นทำอะไรไปบ้าง มีเหตุการณ์อะไรถึงได้ถูกให้ออกและลดขั้น ขณะนี้กำลังติดตามตัวมาสอบปากคำอยู่ ส่วนอาจารย์ใน สจล.ที่พนักงานสอบสวนตรวจสอบพบว่ามีเงินโอนเข้ามาจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด จำนวน 55 ล้านบาท ได้เข้ามาให้การกับพนักงานสอบสวนเมื่อวันอังคารที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่เพียงมาอธิบาย ไม่มีเอกสารมาแสดงให้พนักงานสอบสวนดูถึงที่มาที่ไป จึงได้ให้กลับไปหาหลักฐานมาแสดงให้ได้ ถ้าไม่มีพนักงานสอบสวนจะเตรียมแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป โดยให้นำเอกสารมาแสดงภายในสัปดาห์หน้า

...

ด้าน พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.6.บก.ป.ปฏิบัติหน้าที่ กก.1 บก.ป.กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนกองปราบปรามขอข้อมูลเอกสารจากธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ในเรื่องผลการสอบสวนนายทรงกลด ศรีประสงค์ พร้อมพนักงานที่ใกล้ชิดอีก 2 คน ที่ถูกให้ออกและลดขั้น มาให้พนักงานสอบสวน ปรากฏว่า ทางธนาคารส่งรายงานสรุปการสอบสวน มาให้เพียงแผ่นเดียว ทางพนักงานสอบสวนเห็นว่ายังไม่เพียงพอเพราะน่าจะมีรายละเอียดที่มากกว่านี้ ดังนั้น จึงได้ทำเรื่องเชิญประธานคณะกรรมการสอบสวนของธนาคารไทยพาณิชย์มาให้รายละเอียดต่างๆถึงสาเหตุการให้นายทรงกลด ศรีประสงค์ลาออกจากงาน รวมทั้งพนักงานที่สนิทกับนายทรงกลด อีก 2 คนที่โดนให้ออกและลดขั้น

พ.ต.อ.พงษ์ไสวกล่าวต่อว่า สำหรับนายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล.ทางพนักงานสอบสวนจะเชิญตัวมาให้ปากคำอีกครั้ง ในเรื่องของการยื่นแสดงทรัพย์สิน ที่นายถวิลส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ เพื่อมาดูที่มาที่ไปของทรัพย์สินทั้งหมด รวมทั้งให้อธิบายอย่างละเอียดด้วย

พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่า “บอส” ที่นายภาดา บัวขาว หนึ่งในผู้ต้องหาซัดทอดนั้นเป็นใคร ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ โดย “บอส” อาจจะเป็นนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด หรือคนอื่นที่มีอำนาจเหนือกว่านั้น เจ้าหน้าที่ได้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งจับกุมตัวนายกิตติศักดิ์มาให้ได้ก่อนถึงจะบอกได้ว่าขบวนการนี้มีใครเป็นหัวหน้าใหญ่ที่เรียกกันว่า “บอส” แต่ตนเชื่อว่ามันสมองของแก๊งนี้คือนายกิตติศักดิ์ เพราะเป็นคนควบคุมสั่งการทุกอย่างทั้งโอนเงิน และตั้งบริษัทเพื่อฟอกเงินที่ลักมา

ส่วน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า กรณีบุคคลที่นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด เรียกว่า “บอส” ยังไม่มีหลักฐานที่จะออกหมายจับได้ เนื่องจากจนถึงขณะนี้หลักฐานที่ได้ยังไม่เข้าใกล้ตัวบุคคลผู้นี้เท่าไหร่ เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเพื่อให้เข้าใกล้คนที่รู้เรื่องทั้งหมด ดังนั้น ในรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเมื่อไหร่ที่เปิดเผยออกไปจะทำให้บุคคลผู้นั้นรู้ตัวและจะมีปัญหาทันที ซึ่งเท่ากับว่าเราจะไม่ได้อะไรคืนมาเลย และอาจจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป แต่ยืนยันว่าบุคคลคนนี้ยังอยู่ในเมืองไทย โดยบุคคลที่อยู่เบื้องหลังอาจจะมีมากกว่า 1 คน

ถึงขณะนี้เรื่องนี้อาจจะต้องแบ่งเป็น 2 ยุค คือยุคก่อนหน้านี้และยุคที่เราตามเงินกลับคืนมาได้เยอะๆ หลักฐานที่ได้เป็นหลักฐานที่ได้จากการเดินทางของเงินและตามคำให้การของพยาน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มาเป็นท่อนๆยังต่อไม่ติด ทำให้ยังไม่สามารถออกหมายจับตัวผู้บงการได้ ดังนั้น ถ้าได้ตัวนายกิตติศักดิ์ จะได้ความชัดเจนมากขึ้น ส่วนการฟ้องร้องของคดีถ้าหลักฐานถึงใคร ที่มีความชัดเจนของการกระทำที่น่าเชื่อว่ามีส่วนในการฉ้อโกงยักยอก ทางพนักงานสอบสวนก็ฟ้องก่อนได้ คดีนี้มีอายุความน่าจะอยู่ที่ประมาณ 15 ปี ล่าสุดทราบว่านายกิตติศักดิ์เดินทางไปประเทศอังกฤษ อยู่ระหว่างการประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศอังกฤษ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลแจ้งกลับมาว่ามีการเดินทางเข้าประเทศอังกฤษ คาดว่าในวันที่ 19 ม.ค.น่าจะได้ข้อมูลในส่วนนี้ แต่ถึงอย่างไรประเทศอังกฤษมีสนธิสัญญาในการในส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย

ต่อมาช่วงเที่ยง น.ส.ณุมาพร พัฒนพงศธร อาชีพทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.วีรยุทธ ไชยสุระ พงส.กก.1 บก.ป. โดยนำเอกสารหลักฐานที่อ้างว่าเป็นหนังสือสัญญาการซื้อขายชุดอุปกรณ์วิจัยและทดลองทางชีวภาพการแพทย์ ระหว่างบริษัทเอแล็บ เอนเตอร์ไพร์ส จำกัด กับสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล.ที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2555 มูลค่า 1 ล้าน 8 แสนบาท มอบให้เพื่อใช้ในการตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีการยักยอกเงินของ สจล.หรือไม่

...

น.ส.ณุมาพรกล่าวว่า เป็นเจ้าหนี้ของนายอภิศักดิ์ บุญเรือง เจ้าของบริษัทเอแล็บฯ ทั้งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2557 นายอภิศักดิ์มาขอยืมเงิน 3 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนซื้ออุปกรณ์วิจัยทางการแพทย์ให้กับ สจล.พร้อมนำเอกสารการซื้อขายกับทาง สจล.ที่ทำไว้เมื่อปี 2555 มาแสดงให้ดูว่ามีการทำสัญญาลงทุนจริง แต่จากนั้นมา นายอภิศักดิ์ได้เงียบหายไป ตนติดต่อทวงถามเงินคืนจากนายอภิศักดิ์ แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง จึงมาแจ้งความไว้ที่กองปราบปรามแล้วก่อนหน้านี้ ต่อมาตนได้หลักฐานเอกสารการซื้อขายนี้ของบริษัทเอแล็บฯ พบว่าทาง สจล.ยังได้รับอุปกรณ์ไม่ครบตามจำนวนสัญญาที่ระบุไว้ ก็คิดว่าบริษัทเอแล็บฯคงยังไม่ได้เบิกเงินไป หรือหากมีการส่งมอบของครบตามสัญญา ตนก็เตรียมอายัดเงินในฐานะเจ้าหนี้ แต่จากการสอบถามจากฝ่ายการเงินของ สจล.พบว่าได้มีการเบิกจ่ายเงินให้บริษัทของนายอภิศักดิ์ไปหมดแล้ว

น.ส.ณุมาพรกล่าวต่อว่า แปลกใจว่า สจล. ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ น่าจะได้รับสินค้าแล้วทั้งหมดและมีการตรวจรับเรียบร้อยก่อนแล้วถึงค่อยเบิกจ่ายเงิน แต่กรณีนี้กลับสั่งจ่ายเงินไปยังบริษัทของนายอภิศักดิ์จำนวนเกือบ 2 ล้านบาทเลย จนเวลาผ่านมา 2 ปีแล้ว ก็ไม่เห็นมีการตรวจสอบเลยว่าได้รับมอบของครบหรือยัง ตัวอาจารย์ที่ต้องใช้งานอุปกรณ์ ดังกล่าวก็ยังไม่ได้ใช้อุปกรณ์ เมื่อสอบถามไปทางฝ่ายการเงินของ สจล. กลับไม่ได้รับคำตอบ ในวันนี้เลยนำเอกสารมาให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบดูว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะระยะเวลาที่ทำสัญญาอยู่ในช่วงเดียวกันกับที่มีกรณียักยอกเงินพันกว่าล้านบาทของ สจล. แต่จะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ตนไม่ทราบ

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่เรื่องโกงเงินในสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในสมัยที่นายถวิล พึ่งมา ดำรงตำแหน่งอธิการบดี สถาบันฯยังไม่จบ ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2558 ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังพ้นจากตำแหน่ง โดยมีรายละเอียดว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายถวิล พึ่งมา ให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2555 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2555 นั้น เนื่องจากที่ประชุมสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ครั้งที่ 13/2556 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 และครั้งที่ 13/2557 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2557 ได้มีมติเห็นชอบให้ถอดถอนนายถวิล พึ่งมา ออกจากตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตามมาตรา 31 (4) แห่งพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พ.ศ.2551 ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 และได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งต่อไปแล้ว บัดนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้นายถวิล พึ่งมา พ้นจากตำแหน่ง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 ประกาศ ณ วันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2558 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี

...