โรงงานแผงวงจรฯ สารพิษส่งกลิ่นฟุง สูดดม-เจ็บนับสิบ

เพลิงนรกโหมไหม้โรงงานผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกรายใหญ่ในนิคมฯบางปะอิน ควันดำทะมึนพร้อมเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นฟ้าสูงหลายสิบเมตร คนงานครึ่งพันวิ่งหนีตายอลหม่าน คาดมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท คนงานบริษัทผลิตกางเกงยีนส์ยี่ห้อดัง สูดดมควันพิษเข้าไปเต็มปอด 16 ราย เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม ต้องหามส่งโรงพยาบาลโกลาหล

ไฟไหม้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินเสียหายยับครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 ม.ค. พ.ต.อ.วิชัย ต๊ะปิ่นตา พนักงานสอบสวน ผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.บางปะอิน รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บริษัท เอพีซีบี อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ริมถนนอุดมสรยุทธ ปากทางเข้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน หมู่ 3 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยยะ เพ็ชรปัญญา ผกก.สภ.บางปะอิน นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิต่างๆในพื้นที่ พร้อมประสานรถดับเพลิงใกล้เคียงรวมกว่า 20 คัน ไประงับเหตุ

บริษัทดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ประเภทแผงวงจรไฟฟ้าเพื่อส่งออก จุดเกิดเหตุเป็นอาคารสูง 5 ชั้น ปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่กว่า 1 ไร่ ชั้นดาดฟ้ามีโครงเหล็กติดตั้งหลังคาเมทัลชีท และเป็นที่วางถังสารเคมี พบควันไฟสีดำทะมึนพวยพุ่งขึ้นออกมาจากชั้น 4 โดยมีคนงานชายหญิงหลายร้อยชีวิตต่างวิ่งหนีตายออกมายืนอยู่ริมถนนนอกโรงงาน เบื้องต้นทราบว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรีบระดมฉีดน้ำดับไฟเข้าไปในชั้น 4 ของอาคาร พร้อมฉีดน้ำหล่อเลี้ยงป้องกันไม่ให้เพลิงลุกลามขึ้นไปไหม้ชั้น 5 และชั้นดาดฟ้าที่เป็นจุดเก็บสารเคมี เพราะเกรงจะมีการระเบิดรุนแรง แต่เป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากเป็นอาคารสูง แรงดันน้ำไปไม่ถึง และรถกระเช้าดับเพลิงในที่สูงมีน้อย หลังผ่านไปนานกว่า 1 ชั่วโมง เพลิงยังไม่มีทีท่าจะดับลงง่ายๆ เพราะภายในอาคารมีวัตถุดิบจำพวกพลาสติกและยาง ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี อีกทั้งยังมีลมกระโชกแรง ส่งผลให้เพลิงลุกโชนโหมไหม้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผสมกับกลิ่นสารเคมีเหม็นฉุนลอยออกมาเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ต้องอพยพคนงานออกไปให้ไกลจากจุดเกิดเหตุมากที่สุด พร้อมระดมรถดับเพลิงมาเพิ่มอีกหลายคัน

...

หนึ่งในคนงานที่วิ่งหนีตายออกมาได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันนี้คนงานมาทำงานปกติประมาณ 500 คน ขณะกำลังทำงานอยู่ชั้น 2 มีเพื่อนคนงานวิ่งลงมาร้องตะโกนว่าไฟไหม้ที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นสายพานประกอบแผงวงจร จึงวิ่งออกมายืนดูข้างนอก พบมีกลุ่มควันดำทะมึนและมีกลิ่นเหม็นฉุนคล้ายพลาสติกไหม้ลอยขึ้นปกคลุมทั้งโรงงานแล้ว จากนั้นเห็นเปลวไฟพวยพุ่งออกมา ซึ่งบริเวณชั้น 5 และดาดฟ้าอาคารเป็นที่เก็บแท็งก์น้ำยาผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า กลุ่มพนักงานบริษัท ลีวาย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกางเกงยีนส์ยี่ห้อดัง ที่ตั้งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปราว 500 เมตร ได้สูดดมกลิ่นสารเคมีจากโรงงานที่เกิดเพลิงไหม้ ทำให้มีอาการวิงเวียนศีรษะและอาเจียน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งนำส่ง รพ.บางปะอิน จำนวน 12 คน อาการหนัก 3 คน แพทย์ให้นอนรอดูอาการระยะหนึ่ง สอบถามพนักงานคนหนึ่งอ้างว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงพักเที่ยง ทราบว่าเกิดเพลิงไหม้จึงพากันออกมายืนดู เห็นควันดำทะมึนและเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นฟ้าสูงหลายสิบเมตร ระหว่างนั้นมีลมพัดหวนหอบกลิ่นสารเคมีเหม็นฉุนมาด้วย หลายคนกลั้นหายใจไม่ทันสูดดมเข้าไปเต็มปอดจนมีอาการเวียนหัว หน้ามืดเป็นลม

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเพลิงยังคงลุกไหม้รุนแรง เจ้าหน้าที่ยังควบคุมเพลิงไม่ได้ ประกอบกับมีสารเคมีจากชั้น 5 รั่วไหลลงมาชั้น 4 3 และ 2 ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง เจ้าหน้าที่ได้ประชุมหาวิธีการควบคุมเพลิงและควันไฟ เนื่องจากถูกกระแสลมพัดไปทางทิศตะวันออกภายในนิคมบางปะอิน และบ้านเรือนประชาชนใน ต.บางกระสั้น และ ต.คลองพุทรา

นายดงพล รุจิธรรมธัช ป้องกันจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากโรงงานที่เกิดเพลิงไหม้ให้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ใต้ลม เพราะเป็นสารเคมีมีพิษควรหลีกเลี่ยงการสูดดม จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ตรวจดูควันพิษ ถ้าลอยเข้าไปหมู่บ้านไหนให้ชาวบ้านอพยพทันที พร้อมให้เทศบาลแจ้งเตือนตามเสียงตามสาย และแจ้ง ผอ.นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ถ้าได้รับผลกระทบหรืออยู่ใต้ลม ให้อพยพคนงานออกทันที อาทิ บริษัท เทยิน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เอซี พลาสติก จำกัด และบริษัท ลีวาย (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น

ด้านนายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงกรณีเพลิงไหม้บริษัท เอพีซีบี อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการผลิตแผ่นพิมพ์แผงวงจรไฟฟ้า ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ว่า จุดเกิดเหตุเป็นอาคารสำนักงานและการผลิต เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะนี้ กนอ.ได้สั่งการไปยังนิคมฯบางปะอิน ประกาศแผนฉุกเฉิน ระดับ 2 เพื่อรับการสนับสนุนและช่วยระงับเหตุจากหน่วยงานระดับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีรถดับเพลิง 20 คัน และรถดับเพลิงกระเช้าสูง จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อีก 2 คัน เข้าช่วยระงับเหตุเพลิงไหม้ ล่าสุดควบคุมเพลิงไว้ในวงจำกัดแล้ว อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุและประเมินความเสียหาย

นายวีรพงศ์กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ กนอ.ได้ให้การสนับสนุนด้านต่างๆ อาทิ ตั้งกองอำนวยการ อาหารและน้ำ เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และได้จัดส่งรถโมบายยูนิต สำหรับตรวจวัดคุณภาพอากาศ จากนิคมฯมาบตาพุด จ.ระยอง ไปยังพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวัง คุณภาพอากาศและช่วยสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนที่อยู่โดยรอบโรงงานดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามข้อมูลความคืบหน้าได้ทาง twitter@IEATWarroom

...

นพ.พิทยา ไพบูลย์ศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยากล่าวว่า ได้รับรายงานผู้มีอาการสำลักควัน 15-16 ราย มี 1 รายต้องนอนพักรักษาตัวที่ รพ.บางปะอิน แต่ไม่ได้มีอาการรุนแรง เพียงแค่เฝ้าสังเกตอาการเท่านั้น ทั้งนี้ ในบริษัทดังกล่าวมีสารเคมีที่เป็นกรดเกลือในการทำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ซึ่งต้องระมัดระวัง เพราะหากสูดกรดเกลือเข้าไปโดยตรงจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ทางเดินหายใจอุดตัน บวม หายใจหอบ หากสูดเข้าไปมากจนมีอาการรุนแรง กรดเกลือจะไปทำลายปอด หากกรดเกลือสัมผัสผิวหนังจะกัดผิวหนังเป็นแผล

ต่อมา เมื่อเวลา 19.00 น. เพลิงได้ลุกไหม้ขึ้นมาอีกครั้งที่บริเวณใต้ฝ้าเพดานชั้น 4 มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาตลอดเวลาและลุกลามไปชั้น 3 และชั้น 5 หน่วยกู้ภัยได้เข้าไปในอาคารเพื่อระดมฉีดน้ำ แต่ทำงานลำบาก เพราะกระแสไฟถูกตัดในอาคารมืดมาก ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บถูกกระจกบาดขาและสำลักควันไฟ 5 นาย เจ้าหน้าที่จึงเรียกประชุมวางแผนใหม่ โดยจะใช้คีมขนาดใหญ่ตัดแผ่นฝ้าให้ตกลงมาเพื่อดับไฟได้ง่ายและไม่คุขึ้นมาอีก

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ชัยยะ เพ็ชรปัญญา ผกก.สภ.บางปะอิน พร้อมกำลังตำรวจกว่า 10 นาย ตั้งจุดเฝ้าระวังและอำนวยความสะดวกการจราจร ประสานรถดับเพลิงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยระดมเครื่องปั่นไฟส่องแสงสว่างเข้าไปในอาคารเพื่อเร่งดับไฟให้สำเร็จภายในคืนนี้ เพราะเกรงว่าหากปล่อยให้ไฟไหม้ไปเรื่อยๆอาจทำให้ตัวอาคารพังถล่มลงมา

นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ ปภ.ได้ประสานกรมควบคุมมลพิษวัดค่าอากาศแล้วยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนคืนนี้ต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา พร้อมระดม
ฉีดน้ำเลี้ยงไว้เพื่อไม่ให้ไฟคุขึ้นมาอีก ค่าเสียหายเบื้องต้นไม่น่าจะต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพราะภายใน อาคารมีทั้งเครื่องการผลิต วัตถุดิบ และสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว สำหรับสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง พร้อมประเมินความเสียหายอีกครั้ง

...