พ่อทนเห็นลูกทะเลาะกันปมธุรกิจร้านวัสดุก่อสร้างของครอบครัวไม่ไหว ชักปืนตั้งใจจะยิงขู่ แต่พลาดกระสุนเจาะขมับ ทำลูกชายฟุบลงกับพื้น บาดเจ็บสาหัส ที่อุดรธานี ก่อนเข้ามอบตัว ...

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ธันวาคม ร.ต.อ.เสถียร วงศ์หาจักร พงส.สภ.นายูง จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บ้านหลังหนึ่งใน อ.นายูง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อารักษ์ มะสาธานัง ผกก.สภ.นายูง นำกำลังรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้นไม้ครึ่งปูน ชั้นล่างเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้าง บริเวณม้าหินอ่อนหน้าบ้านพบผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อภายหลังว่า นายเอก (นามสมมติ) อายุ 40 ปี เจ้าของร้าน ถูกยิงบริเวณขมับขวา 1 นัด กระสุนฝังใน นอนฟุบหายใจรวยริน อยู่ข้างโต๊ะ เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลนายูง และส่งต่อไป รพ.ศูนย์อุดรธานี อาการยังโคม่า

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บนั่งพูดคุย อยู่กับนายเป๋า (นามสมมติ) อายุ 78 ปี และนายโอ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี พ่อและน้องชาย ก่อนมีปากเสียงทะเลาะกัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ผู้บาดเจ็บฟุบลงกับพื้น ส่วนนายเป๋าและนายโอ ได้วิ่งขึ้นรถกระบะขับหลบหนีไป ตำรวจจึงได้ติดตามไปที่บ้านนายเป๋า พบอาวุธปืน ขนาด .22 แม็กนั่ม บรรจุกระสุน 6 นัด ยิงไปแล้ว 1 นัด วางอยู่ข้างที่นอน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และออกติดตามนายเป๋าและนายโอ ตามบ้านญาติแต่ไม่พบ

...

ต่อมา เวลา 16.00 น. นายเป๋าและนายโอ ได้เดินขึ้นโรงพัก สภ.เมือง อุดรธานี เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.สุรินทร์ ชัยชมภู รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจเขม่าดินปืนที่มือทั้งสองคนไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวไปให้ พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี สอบสวน ซึ่งนายเป๋า ให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้ปืนยิงนายเอก ลูกชายจริง โดยผู้บาดเจ็บเป็นลูกคนที่ 5 ได้ร่วมหุ้นกับลูกคนที่ 7 เปิดกิจการร้านวัสดุก่อสร้าง มาประมาณ 14 ปี ระยะแรกไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อปี 2552-2557 ตนได้ส่งนายโอไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล และได้ส่งเงินมาให้ผู้บาดเจ็บลงทุน กิจการค้าวัสดุก่อสร้าง ประมาณล้านกว่าบาท กิจการเจริญรุ่งเรืองดี แต่พอนายโอ เดินทางกลับมา ผู้บาดเจ็บกลับไม่ชี้แจงรายรับรายจ่ายของกิจการ ให้น้องชายและหุ้นส่วนรับรู้ เมื่อสอบถาม นายเอกก็จะด่าทอ จนมีปากเสียงทุกครั้ง ตนจึงต้องห้ามปราม ซึ่งนายเอกสัญญาว่าต่อไปจะชี้แจงรายรับรายจ่ายของกิจการให้ทราบ แต่สุดท้ายก็ไม่ทำตามสัญญา


นายเป๋า กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายเอก ยังได้ไปรับซื้อต้นยางพาราอีก เมื่อนายโอ สอบถามก็แสดงอาการไม่พอใจ และมีปากเสียงกัน จนในที่สุด นายโอ ได้เรียกตนมาเป็นพยานเพื่อตกลงแบ่งแยกกิจการ ที่ม้าหินอ่อนบริเวณหน้าร้าน แต่ทั้งสองได้ทะเลาะ มีปากเสียงถึงขั้นจะชกต่อย ตนซึ่งเป็นพ่อไม่อยากเห็นพี่น้องทะเลาะกัน จึงเข้าห้ามปรามและขอร้องให้หยุด แต่ผู้บาดเจ็บได้ด่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตนโมโหสุดขีด จึงชักปืนขนาด .22 แม็กนั่ม ที่พกมาด้วยออกมายิงขู่ 1 นัด แต่พลาดกระสุนเจาะขมับขวานายเอก ล้มฟุบลง เมื่อหายตกใจตนจึงจูงมือนายโอ วิ่งขึ้นรถยนต์กระบะกลับไปบ้าน ทิ้งปืนไว้ในที่นอน แล้วขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอุดรธานี ขณะนั่งรถตนได้ฉุกคิดหลายอย่าง เสียใจที่บันดาลโทสะยิงลูกชาย สุดท้ายจึงตัดสินใจขอมอบตัว  จึงบอกนายโอ เลี้ยวรถเข้าเรือนจำกลางอุดรธานี เพื่อมอบตัว แต่เจ้าหน้าที่เรือนจำบอกให้ตนมามอบตัวที่โรงพักเมืองอุดรธานีดังกล่าว

พ.ต.อ.สุรินทร์ ชัยชมภู รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า นายเอก ผู้บาดเจ็บ ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารงานข้าราชการตำรวจ สภ.นายูง (ก.ตร.) ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในที่เกิดเหตุ 3 คน คือ ผู้บาดเจ็บ นายเป๋า และนายโอ จึงไม่มีใครเป็นพยานชี้ยืนยันได้ว่า ใครเป็นคนยิง เมื่อนายเป๋า เดินเข้ามาขอมอบตัว ได้สั่งให้บันทึกคำรับสารภาพไว้ก่อน แต่ก็ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เก็บเขม่าดินปืนทั้งสองคนไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถระบุได้ว่า ใครคือคนยิง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหานายเป๋า “พยายามฆ่า” ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป.