ส่งกลับประเทศแล้วแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนตัวเอ้ชุดแรก 200 คน ทางการจีนส่งเครื่องบิน 4 ลำ มารับนำกลับไปดำเนินคดี ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนหลังทางการเมียนมาไล่ล็อกตัวควบคุมจากเมืองสแกมเมอร์ เคเคพาร์คและชเวโก๊กโก่ มาส่งให้ที่สะพานไทย-มิตรภาพ แห่งที่ 2 อ.แม่สอด จ.ตาก ช่วงเช้าวันที่ 20 ก.พ. ตม.ไทยตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนพิธีการคนเข้าเมืองที่เป็นบุคคลต้องห้าม พร้อมลงข้อมูลระบบไบโอเมตริกซ์ ก่อนส่งตัวให้ทหารนำขึ้นเครื่องบินพร้อมประกบใกล้ชิดแบบตัวต่อตัว ขณะที่ภูมิธรรม-หลิว จงอี้ และอ่อง จอจอ รมช. มหาดไทย แห่งสหภาพเมียนมา ลงพื้นที่แม่สอดติดตามดูการส่งคนจีนกลับประเทศ ตำรวจยโสธรจับ 8 ชาวจีนคารถ บขส.ขณะเดินทางจากสระบุรีจะไป อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี พบของกลางโทรศัพท์มือถือ 91 เครื่อง คาดเป็นแก๊งคอลฯย้ายถิ่นหนีการกวาดล้าง

ทางการจีนนำเครื่องบิน 4 ลำ ของสายการบินไชน่าเซาเทิร์น แอร์ไลน์ส มารับตัวชาวจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 200 คน กลับไปยังเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจากกองกำลังทหาร BGF เข้าไปกวาดล้างล็อกตัวควบคุมมาได้จากเมืองเมียวดี สหภาพเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยนำกลับรวม 4 เที่ยวบิน

เมียนมาส่งตัวจีนเทาแก๊งคอลฯ 200 คน

ที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 20 ก.พ. ทางการเมียนมา นำตัวกลุ่มจีนเทาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 200 คน ที่รวบรวมมาจากเมืองสแกมเมอร์ เช่น เคเคพาร์คและชเวโก๊กโก่ นั่งรถบัสกว่า 10 คัน จากเมืองเมียวดี สหภาพเมียนมา มามอบให้ทางการไทย ดำเนินการส่งกลับไปยังสาธารณรัฐ ประชาชนจีน มีทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู เป็นผู้รับมอบตัวแก๊งคอลฯ แบบ 1 คนต่อเจ้าหน้าที่ 1 คน นำไปดำเนินการตามขั้นตอนพิธีการคนเข้าเมือง พร้อมลงข้อมูลในระบบไบโอเมตริกซ์ของ สตม.ว่า เป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร โดยบรรยากาศที่ด่านมีทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนูหลายสิบนาย ตรึงกำลังเฝ้ารักษาความปลอดภัยอยู่โดยรอบและไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพทำข่าวในพื้นที่แต่อย่างใด

...

ส่งขึ้นเครื่องกลับจีนชุดแรก 50 คน

หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนในส่วนนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนชุดแรก 50 คน เดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด โดยรถบัส 2 คัน มีทหารนั่งประกบแบบตัวต่อตัวและมีรถตำรวจของ สภ.แม่สอด ขับนำและปิดท้ายขบวน ไปขึ้นเครื่องบินที่ทางการจีนจัดมารับกลับไปยังเมืองหนานจิง โดยเที่ยวบินแรกได้ทะยานขึ้นฟ้าในเวลา 11.40 น. ตามด้วยเที่ยวบินที่ 2 เวลา 12.40 น. เที่ยวบินที่ 3 เวลา 13.40 น. และเที่ยวบินที่ 4 เวลา 14.40 น. ทั้งนี้ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทางการเมียนมาร่วมกับกองกำลังพิทักษ์ชายแดนของ พล.ต.หม่องชิต ตู่ ควบคุมชาวจีนแก๊งคอลฯไว้ทั้งหมดและเฝ้าดูอย่างเข้มข้น ขนาดแก๊งคอลฯจะขอเข้าห้องน้ำ ยังต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบเพื่อจัดทหารเฝ้าติดตามตลอดไม่ให้คลาดสายตาป้องกันการหลบหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การส่งกลับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนกลับประเทศในวันที่ 20 ก.พ. ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่นำตัวส่งกลับไปได้ 198 คน จาก 200 คน เนื่องจากอีก 2 คนเกิดป่วย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวเข้ารักษาใน รพ.แม่สอด โดยถูกควบคุมตัวอย่างเข้มงวดป้องกันการหลบหนี

อีก 12 เที่ยวบินมารับเหยื่อค้ามนุษย์จีน

สำหรับการจัดส่งชาวต่างชาติเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ที่ถูกหลอกไปทำงานในสหภาพเมียนมานั้น กองกำลัง BGF ได้ควบคุมตัว ทำบัญชีรายชื่อไว้จากเมืองชเวโก๊กโก่ แล้วส่งตัวมายังฝั่งไทยเพื่อนำส่งกลับประเทศต้นทางจำนวน 12 สัญชาติ รวม 1,219 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวจีน 1,041 คน ซึ่งทางการจีนได้ส่งเครื่องบินโดยสารรวม 12 เที่ยวบิน มารับกลับในวันที่ 21-22 ก.พ. โดยทั้งหมดถูกนำพามายังบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก มีเจ้าหน้าที่ ตม.ของจีนมาคอยรับตัวไปตรวจสอบและมีตำรวจจีนคอยรับอยู่บนเครื่อง ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้สนามบินแม่สอดส่งตัวเหยื่อค้ามนุษย์กลับประเทศ เนื่องจากเส้นทางในเมียนมาไม่ปลอดภัย สำหรับสัญชาติอื่นๆเริ่มทยอยส่งตัวในวันที่ 23 ก.พ.ไปจนกว่าจะครบตามจำนวน

ไทย–จีน–พม่า ร่วมดูส่งคนจีนกลับ

ต่อมาเวลา 17.27 น. วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และนายอ่อง จอจอ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แห่งสหภาพเมียนมา เดินทางถึงท่าอากาศยานแม่สอดติดตาม ดูการส่งคนจีนกลับประเทศ โดยมีรถบัสนำตัวชาวจีนเข้ามาในสนามบินแล้วให้ทุกคนลงจากรถ ผ่านขั้นตอนการตรวจสิ่งของต้องห้าม วัตถุอันตรายต่างๆ ก่อนจะให้ขึ้นเครื่องบินของสายการบินไชน่า เซาเทิร์น แอร์ไลน์ส มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของจีนคอยรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด จากนั้น นายภูมิธรรมและคณะเดินเข้ามาภายในห้องรับรองของท่าอากาศยาน แม่สอด รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เผยเหตุผลห้ามสื่อถ่ายภาพทำข่าว

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ให้จับตาจะมีการซุก “ชาวอุยกูร์” ในกระบวนการส่งกลับชาวจีนว่า ต้องพูดในสิ่งที่คิดว่ามีเหตุผล พูดแบบนี้ทำให้คนแตกตื่นดูรัฐบาลไม่ค่อยดี ยังไม่ได้เป็นแบบนั้น ขออย่าใช้สถานการณ์นี้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและดิสเครดิตรัฐบาล ถ้ามีข้อมูลที่ชัดให้เอาหลักฐานมา การโพสต์แบบนี้ดูแล้วเกินเลย พูดแล้วได้อะไร ไม่อยากตอบโต้ ส่วนขั้นตอนการทำข่าวการดำเนินการส่งคนจีนกลับประเทศว่า บางส่วนเจ้าของประเทศไม่ต้องการให้ถ่าย บางครั้งเราถ่ายภาพ ไม่รู้ว่าคนผิด หรือคนถูก กลายเป็นเอาหน้าตาของคนที่ไม่เกี่ยวข้องและจะถูกตีความผิด กลายเป็นว่าเราละเมิดสิทธิเขา แต่ถ้าเขาไม่ได้มีปัญหาเราก็จัดการให้

ยันทำถูกต้องตามกฎหมาย

รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวอีกว่า การส่งแก๊งคอลฯชาวจีนกลับประเทศ มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ เราทำถูกกฎหมายทั้งหมด ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ เพราะถ้าผิดเรื่องนี้โดนมาตรา 199 โทษหนัก สิ่งที่ทำตามกระบวนการ ไทยเสียสละที่จะทำเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจน การดำเนินการเป็นการขอร้องจากประเทศต่างๆ โดยจีนมีคนจำนวนมาก ประเทศอื่นมีมากบ้างน้อยบ้าง แต่ประเทศเอธิโอเปียมีมากกว่าใคร บางกรณีให้ข้อมูลกับสถานทูตว่าถูกหลอกไป เมื่อถึงไทยแล้วถูกโปะยาสลบ แต่จากภาพที่ปรากฏเดินลงเครื่องบินตามปกติ ดังนั้น สิ่งที่เราทำจึงต้องรอบคอบให้มากที่สุด นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล รวมถึงตนเอง ที่รับผิดชอบพยายามทำดีที่สุด ทำให้เกิดประโยชน์หลายเรื่อง ไม่ใช่ว่าจะทำได้ตามใจ เช่น ให้ปิดชายแดนไม่ให้มีการส่งสินค้า ต้องคำนึงถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วย แต่การกดดันเบื้องต้นเพราะต้องการให้รัฐบาลเมียนมาหรือชนกลุ่มน้อย ได้รับรู้ว่าประชาชนไทยก็เดือดร้อน

...

ไม่ประทับตราเข้าเมืองแต่ผลักดันออก

ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานแม่สอด ถึงกรณีการรับตัวชาวจีนจากเมืองเมียวดี สหภาพเมียนมา ส่งกลับประเทศผ่าน อ.แม่สอด ว่าขั้นตอนที่คนจีนเข้าประเทศไทยไม่ได้มีการประทับตราตรวจคนเข้าเมืองของไทย แต่เป็นการปฏิเสธการเข้าเมืองและผลักดันออกนอกประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล เป็นขั้นตอนที่ทำได้ตามกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับรายชื่อชาวจีนทั้ง 200 คน มาตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ว่ามีการเดินทางเข้าประเทศไทยหรือมีวีซ่าหรือไม่ เพราะไม่มีหนังสือเดินทาง มีเพียงเอกสาร CI ที่ทางการเมียนมาออกให้ ยืนยันว่าเรื่องนี้ ผบ.ตร.ให้ตรวจสอบทุกคน ในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจที่สำคัญ ละเอียดอ่อน ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงและต้องใช้ความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขอขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานในการปฏิบัติครั้งนี้ ยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือในการปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามนโยบายของรัฐบาลและ สตช.

สื่อจีนชี้จับแก๊งคอลฯความสำเร็จครั้งสำคัญ

วันเดียวกัน นสพ.โกลบอลไทมส์ของทางการจีน รายงานว่า กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนยืนยันว่าชาวจีน 200 คน ผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา ที่เดินทางโดยเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากประเทศไทย ถึงเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน แล้วเมื่อบ่ายวันที่ 20 ก.พ. พร้อมระบุว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในความพยายามร่วมกันของรัฐบาลจีน ไทย และเมียนมา เพื่อปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมิจฉาชีพหลอกลวงเหยื่อบนช่องทางออนไลน์

...

จะผนึกกำลัง 3 ชาติร่วมกันปราบฯต่อ

นสพ.โกลบอลไทมส์ระบุด้วยว่า การดำเนินงานรอบนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างจริงจังและแข็งแกร่งที่สุดจากทางการไทยและเมียนมา นับแต่ร่วมต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อปกป้องความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาคร่วมกัน ขณะที่นายหลิว หนิงหนิง ผู้ตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีอาญา กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีน ให้สัมภาษณ์สื่อในไทยว่าการดำเนินงานของทางการจีน ไทย และ เมียนมาในระยะต่อไปจะมีความสม่ำเสมอและเข้มข้นขึ้น ทั้งการช่วยเหลือผู้ที่ยังคงติดอยู่ในแก๊ง ทำลายโครงสร้างหลักของแก๊งอาชญากรรม และกำจัดศูนย์กลางของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ในเมืองเมียวดีอย่างเด็ดขาด

เดินหน้าปราบฯอาชญากรรมข้ามชาติ

นายหลิวยังกล่าวเเสริมว่า รัฐบาลจีนจะกระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติการกับประเทศอื่นๆให้มากขึ้น เดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของพลเมืองจีนอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านสำนักข่าวเอพีรายงานว่า ทางการจีนเตรียมเที่ยวบิน 16 เที่ยว หรือประมาณ 4 เที่ยวต่อวันเพื่อนำชาวจีนประมาณ 1,041 คน เดินทางกลับประเทศ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนในวันที่ 21-22 ก.พ. ได้เตรียมเครื่องบินจีนนำชาวจีนกลับประเทศ วันละ 6 เที่ยวบิน

จับ 8 คนจีนคารถ บขส.คาดแก๊งคอลฯ

อีกด้านวันเดียวกัน พล.ต.ต.ภิรมย์ สวนทอง ผบก.ภ.จ.ยโสธร ร่วมกับ พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เพชรรัตน์ ผกก.สภ.เมืองยโสธร และตำรวจชุดสอบสวน สภ.เมืองยโสธร ตำรวจ ตม. จับกุมชาวจีนและชาวไทยรวม 10 คน มี 1.นายพลวัฒน์ นิลวิเศษ อายุ 31 ปี 2.นายมงคล คำแก้ว อายุ 47 ปี คนขับรถโดยสารประจำทาง 3.นายหยี๋ว ตงหย่าง อายุ 20 ปี 4. นายเหอ เซา อายุ 20 ปี 5.นายเหอ ฉี๋ โจว อายุ 20 ปี 6.นายเฉียงฉ่าว หนิน อายุ 28 ปี 7.นายฉวี่ ฟู่ อายุ 25 ปี 8.นายหว๋าง หลง อายุ 30 ปี 9.นายหลาน เหม่า เทา อายุ 25 ปีและ 10.นายหม่า ปิง อายุ 26 ปี ทั้ง 8 คนเป็นชาวจีน พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือไอโฟน 91 เครื่อง โน้ตบุ๊กยี่ห้อแอปเปิล 1 เครื่อง และกระเป๋าเดินทาง โดยจับกุมได้ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดยโสธร อ.เมืองยโสธร เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 19 ก.พ. ขณะทั้งหมดนั่งรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-เขมราฐ 929-8 ม.4ข (พ) ทะเบียน 16-5400 กรุงเทพมหานคร มาถึงสถานี การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.วรวุทธิ์ ท่านมุข รอง ผกก.สส.สภ.เมืองยโสธร ได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบนำบุคคลต่างด้าวผ่านมาในพื้นที่จังหวัดยโสธร มาจอดพักรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดยโสธร เมื่อเข้าตรวจสอบพบผู้ต้องหาที่ 3-10 เป็น
ชาวจีนกำลังนอนหลับอยู่ในรถ โดยคนขับรับว่าได้จอดรับผู้ต้องหาที่ 3-10 ที่แยกบ้านนา อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จะไปปลายทางที่ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ส่วนผู้ต้องหาที่ 3-10 ให้การผ่านล่ามว่ากำลังพากันเดินทางไปทำงาน ส่วนโทรศัพท์มือถืออ้างว่าไม่ใช่ของพวกตน

...

พบของกลางมือถือ 91 เครื่อง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 3-4 ว่าเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ผู้ต้องหาที่ 5-10 เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางอนุญาต พร้อมนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 1-2 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวจีนทั้ง 8 รายอาจมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เนื่องจากพบโทรศัพท์มือถือจำนวนมากและกำลังเดินทางไปยัง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน คาดว่าบุคคลกลุ่มนี้กำลังจะหลบหนีเพื่อหาฐานที่ตั้งใหม่เพราะมีการระดมกวาดล้างอยู่

กมธ.มั่นคงฯกัดไม่ปล่อยพิสูจน์อัตลักษณ์

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ (กมธ.ความมั่นคง) สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า กระบวนการปล่อยตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกจากเมืองเมียวดี กลับไปยังประเทศต้นทาง มีความน่ากังวลคือ การตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าบุคคลที่ถูกปล่อยตัว เป็นเหยื่อหรือเป็นอาชญากร กังวลว่าหากประเทศจีนจัดการธุระของเขาเสร็จแล้ว จะหลงเหลือแก๊งจีนเทาเหล่านั้นในเมืองไทยหรือไม่ การเก็บอัตลักษณ์บุคคลหรือไบโอเมตริกซ์ แก๊งจีนเทามีเงินเยอะ บางครั้งไปซื้อสัญชาติหรือพาสปอร์ต หากไม่เก็บอัตลักษณ์บุคคลเลย จะทราบได้อย่างไรหากเขากลับมาจะไม่สวมสัญชาติ หรือพาสปอร์ตบุคคลอื่นเข้ามาทำความผิดอีก ใช้ไทยเป็นทางผ่านคอลเซ็นเตอร์ ก่ออาชญากรรมได้

ชี้เหตุระบุตัวตนไม่ได้ระบบอาจหมดอายุ

“สาเหตุของการที่ไม่มีระบุอัตลักษณ์ตัวตนมานานแล้ว เนื่องจากระบบที่ซื้อมาใช้อาจหมดอายุตามความเข้าใจของผม ไม่ว่าจะเป็นในสนามบินใดๆ หรือชายแดนก็ตาม ข้อมูลตัวเลขของคนที่ผ่านเข้าออกประเทศไทยกว่า 17 ล้านคนที่ผมได้รับมา อาจเป็นไปได้ว่าไม่มีการระบุข้อมูลตัวตนเลย ที่บันทึกข้อมูลเป็นแค่การเก็บหน้าพาสปอร์ตปกติ ผมก็ไม่อยากให้สิ่งที่พูดมานี้เป็นความจริง เพราะหากเป็นจริงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ในที่ประชุมจะมีการสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับหม่องชิต ตู่ ผู้นำ BGF ที่ผมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการละคร หรือเป็นการฟอกขาวหรือไม่ เพราะหลายประเทศคว่ำบาตร พล.ต.หม่องชิต ตู่ แต่ไทยจะเป็นผู้ฟอกขาวให้กับเขา” นายรังสิมันต์กล่าว

“กมธ.ดีอี” เรียกถกปม “คอลเซ็นเตอร์”

ที่รัฐสภา นายสยาม หัตถสงเคราะห์ สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า กมธ.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center หรือ AOC) รวมถึงตัวแทนแพลตฟอร์มออนไลน์เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีแนวทางที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบตามขั้นตอนคือ เมื่อผู้เสียหายได้รับผลกระทบและแจ้งความไปแล้ว เพราะคดีเกิดจากการถูกหลอกบนแพลตฟอร์มติ๊กต่อกและเฟซบุ๊ก กมธ.ต้องการให้สิ่งเหล่านี้ลดลงหรือหมดไปให้ได้

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่