“มะเร็ง” เป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับหนึ่งทุกวันนี้... ในทุก 3 นาที มีคนไทยเสียชีวิตจากโรคร้ายนี้ 1 คน และมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ราวปีละ 140,000 คน โดยเกินกว่าครึ่งจะเสียชีวิต โดยการรักษาส่วนใหญ่ยังเป็นเคมีบำบัด

ประเด็นสำคัญมีว่าวิธีนี้...ยังไม่สามารถช่วยชีวิตคนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอ หลายคนต้องเสียชีวิตขณะรับการรักษาเพราะการติดเชื้อด้วยภูมิต้านทานที่ต่ำลงหรือไม่ตอบสนองต่อเคมีบำบัด

เมื่อไม่นานมานี้ มูลนิธิมหาวิทยาลัยมหิดล ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงาน “Human Interaction for Systemetic Innovation” ครั้งแรกกับการรวมตัวของนวัตกรระดับโลก กูรูด้านบริหารจัดการและนักวิจัยด้านการแพทย์

เพื่อพลิกโฉมการแพทย์ไทยจากกระบวนการคิด Systematic Framework ที่ทำให้เกิดนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบในการสร้างเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มโครงการระดมทุนเพื่อการรักษาโรคมะเร็งด้วยการใช้เซลล์แทนเคมีบำบัด หวังทำ...“โรงงานยาที่มีชีวิต” หรือ “MU-Bio Plant”

สร้างยาจาก “เซลล์ที่มีชีวิต (Living Drug)” เป็นกลุ่มยา ATMP แห่งแรก เพื่อขยายผลสู่การผลิตยาเพื่อผู้ป่วยมะเร็งและโรคร้ายแรงในประเทศไทยและภูมิภาค ตอบโจทย์ความท้าทายทางสุขภาพในปัจจุบันและอนาคต

“โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปแบบก้าวกระโดด จึงต้องเน้นทั้งการเรียนรู้ภายในองค์กร นำการเรียนรู้และการสร้าง ประสบการณ์จากภายนอกเข้ามาประยุกต์ใช้”

แม้มหาวิทยาลัยมหิดลจะมีความเข้มแข็งอย่างมากในด้านงานวิจัย...นวัตกรรมต่างๆใช้ความเชี่ยวชาญที่ครบถ้วนในสหสาขาวิชาสร้างกลไก ในการเชื่อมโยงและกำหนดทิศทางประสานความร่วมมือเข้ามา ช่วยขับเคลื่อนและร่วมพัฒนาประเทศ แต่การจะสร้าง “นวัตกรรม” ต้องเป็นไปอย่างเป็น “ระบบ”

...

“เพื่อก่อให้เกิดการต่อยอดและนำไปใช้ได้จริง เกิดโซลูชันที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของสังคมไปสู่ผลสำเร็จในโลกความเป็นจริง...คือนอกจากจะพัฒนาด้วยระบบการให้บริการงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่แล้ว ยังมีเรื่องงานวิจัยยาและการรักษาที่เป็นความหวังของผู้ป่วย”

ดร.สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรรมการมูลนิธิมหาวิทยาลัยมหิดลในพระราชูปถัมภ์ ย้ำว่า งาน Human Interaction for Systematic Innovation จึงเป็นโครงการคิกออฟการระดมทุน เพื่อการรักษาโรคมะเร็งด้วยการใช้เซลล์แทนเคมีบำบัด

ให้...มหาวิทยาลัยมหิดลสามารถทำโรงงานยาแบบ Cell and Gene Therapy อันจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมของการรักษามะเร็ง ให้คนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาโรค ด้วยนวัตกรรมอันทันสมัยในราคาที่ต่ำลง

ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งในเด็ก บอกว่า คนไทยเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปี ค่ารักษาพยาบาลโรคมะเร็งมหาศาล

เนื่องจาก 90% ของยารักษามะเร็งเป็นยานำเข้าจากต่างประเทศ

“การที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ได้นั้น ไม่ควรติดอยู่แค่ด้านสุขภาพและบริการทางการแพทย์ แต่ควรก้าวไปถึงระดับที่เป็นศูนย์กลางการศึกษาและศูนย์กลางผลิตภัณฑ์คือสามารถคิดค้นวิจัย จนถึงผลิตยาและเวชภัณฑ์ได้เองด้วย จึงจะสามารถเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ได้อย่างยั่งยืน”

แม้ปัจจุบันการแพทย์แม่นยำถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ทีมแพทย์และนักวิจัยมหาวิทยาลัยมหิดลไม่ต้องการจะหยุดตนเองไว้แค่นั้น หากแต่ตั้งเป้าจะนำพาประเทศไทยไปสู่การเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ริเริ่มนำการแพทย์เฉพาะบุคคลมาสู่ประเทศไทยอาเซียนในวงกว้าง

“การแพทย์เฉพาะบุคคล เป็นการนำเซลล์ของคนไข้มาตัดต่อพันธุกรรมให้เหมาะสมกับแต่ละคน ใส่ mRNA เข้าไป...เรามั่นใจว่าเราจะทำได้ดีเพราะขณะนี้เรามีสิทธิบัตรของ circular mRNA แล้วและได้ระดับมาตรฐานโลกด้วย”

เรื่องการทำเซลล์บำบัด CAR T-cell (personalized) แทนการใช้เคมีบำบัดนั้น มาจากปัญหาที่ว่าภูมิคุ้มกันของคนไข้ตก จึงนำเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่กำจัดเชื้อโรคมาดัดแปลงพันธุกรรมให้ไปกินเซลล์มะเร็ง ซึ่งมหาวิทยาลัยในต่างประเทศได้ค้นคิดวิจัยสำเร็จแล้วขายลิขสิทธิ์ให้บริษัทยา ทำออกมาเป็นยา

แต่...ด้วยเทคโนโลยีระดับสูง ทำให้ยาราคาสูงเกินกว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะเข้าถึงได้

ประเด็นสำคัญมีว่า...มหาวิทยาลัยมหิดลก็ทำ CAR T-Cell สำเร็จแล้วเช่นกัน โดยนำเซลล์เม็ดเลือดขาวจากผู้ป่วยที่เริ่มเสื่อมมาตัดต่อในแล็บที่มี GMP ไปใช้ในคนไข้ได้ผลสำเร็จมาแล้ว ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ บางรายเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวมา 4 รอบแล้ว ก็สามารถรักษาหายได้ด้วย CAR T-cell

คนไข้มะเร็งต่อมน้ำเหลืองก็ตอบสนองต่อการรักษาได้อย่างดี...จากนั้นเราจึงไปหานักลงทุน เพื่อทำ The Living Drug CAR T-Cell จนได้รับรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น 2568 ความยากคือคนไทยไม่ค่อยเข้าใจเทคโนโลยีชั้นสูงจึงมักจะไม่ได้รับการลงทุนจากธุรกิจเงินร่วมลงทุน...ระดมเงินทุนจากแหล่งต่างๆ

แผนอนาคต...ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า การรักษามะเร็งจะใช้เฉพาะบุคคล...personalized แบบนี้ใหม่ยิ่งกว่า CAR T-cell อีก ทั่วโลกกำลังทำอยู่ คือ นำเซลล์มะเร็งของแต่ละคนมาวิเคราะห์ แล้วฉีด mRNA เข้าไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของคนไข้นั้น ซึ่งเรามีสิทธิบัตร circular mRNA อยู่ จึงสามารถทำตรงนี้ต่อไปได้เลย

“ความสำเร็จในขั้นนี้คือได้มาจากผลพวงของโควิด ตอนนั้นร่วมกันวิจัยและพัฒนาเพื่อใช้ตอนโควิด แต่พอวิจัยแล้วได้ circular mRNA จึงเป็นตัวที่มาต่อยอดได้ จึงอยากเน้นความเป็นแพลตฟอร์มแบบนี้ เพราะจะต่อยอดในอนาคตได้ต่อไป” ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง กล่าวทิ้งท้าย.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม

...