ลวงเด็กเข้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์

สถิติรับแจ้งเด็กหายของ มูลนิธิกระจกเงา ปี 2567 รวมทั้งสิ้น 314 ราย ซึ่งถือว่าเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 6 ปี โดยสูงกว่าปี 2566 ถึงร้อยละ 6 สาเหตุหลักกว่าร้อยละ 72 หรือ 227 คน คือ เด็กที่สมัครใจหนีออกจากบ้าน

เด็กที่อายุน้อยที่สุดที่หนีออกจากบ้านมีอายุเพียง 7 ขวบ รองลงมาคือ กลุ่มเด็กที่มีพัฒนาการช้า มีความพิการทางสติปัญญาหรือป่วยทางจิตเวช สูญหายร้อยละ 9 หรือจำนวนเด็กหาย 29 คน

มีเด็กถูกลักพาตัว 5 คน

ช่วงอายุเฉลี่ยเด็กที่หายออกจากบ้านมากที่สุดคือช่วงอายุ 11-15 ปี 171 คน รองลงมาคืออายุ 16-18 ปี 103 คน และช่วงแรกเกิดถึงสิบขวบ รวม 40 คน ปลายปี 2566-2567 มีเด็กและเยาวชนถูกชักชวน หลงเชื่อและถูกหลอกทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน 11 คน

มีอายุ 14 ปีถูกหลอกทำงาน

ลักษณะของการล่อลวงชักชวนไปทำงาน ส่วนใหญ่จะหลงเชื่อคำเชิญชวนในโลกออนไลน์ ลักษณะประกาศรับสมัครงานแอดมินเว็บไซต์รายได้ดี ภายหลังพบว่าถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบางรายติดต่อเพื่อให้ครอบครัวส่งเงินเพื่อไถ่ตัวกลับบ้านอีกด้วย เป็นปัญหาใหญ่ที่แฝงอยู่ในสังคมไทย

พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผบก.นต.รพ.ตร. พ.ต.อ.หทัยชนก บุญญฤทธิ์ หัวหน้ากลุ่มงานตรวจเลือด ชีวเคมีและเขม่าดินปืน และ นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา แถลงข่าวถึงสถานการณ์เด็กหาย และ ดีเอ็นเอโปรคิดส์ การใช้นิติวิทยาศาสตร์ตามหาเด็กหาย

สถาบันนิติเวชวิทยา เป็นศูนย์ตรวจสารพันธุกรรมเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ในเด็ก โดยการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในเด็กให้กลับคืนสู่ครอบครัวที่แท้จริง ซึ่ง โครงการดีเอ็นเอโปรคิดส์ เป็นโครงการระหว่างประเทศเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ การเก็บสารพันธุกรรมของพ่อแม่เด็กที่อาจถูกลักพาตัวหรือล่อลวงไป

ประโยชน์ตามหาเด็กหายตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม