ออกหมายจับหนุ่มเขมร คนชี้เป้าให้ “จ่าเอ็ม” สังหาร อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา หลังพบพยานหลักฐานชัดเจน เดินดูลาดเลาจุดสังหารหลายครั้ง หลังก่อเหตุบินออกจากไทยกลับกัมพูชาทันที เตรียมประสานตำรวจสากลออกหมายแดงล่าตัวมาดำเนินคดีแล้ว “ผู้การจ๋อ” ยันทีมสังหารเป็นขบวนการ มีตัวละครมากกว่านี้ กำลังรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเพื่อล่าตัวอยู่ ส่วนการขอตัว “จ่าเอ็ม” กลับมาดำเนินคดี รอง ผบ.ตร. และ ผบช.น.ทำหนังสือการทูตประสานกัมพูชาแล้ว แต่ทางการเขมรจะดำเนินคดีข้อหาหลบหนีเข้าเมืองก่อน เชื่อว่าใช้เวลา 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน ด้านภรรยาชาวฝรั่งเศสของเหยื่อสังหารเข้าพบตำรวจ สน.ชนะสงคราม หลังถูกพาไปดูแลในเซฟเฮาส์ ขอให้ช่วยประสานเรื่องการรับศพกลับไปทำพิธีต่างประเทศ ตำรวจประสานศาลอาญาขอพาภรรยาเหยื่อเข้าให้ปากคำไว้ก่อนวันที่ 13 ม.ค.นี้

จากเหตุสะเทือนขวัญอุกอาจกลางกรุง นายลิม คิมยา (Mr.Lim Kimya) อายุ 73 ปี ชาวกัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม อายุ 41 ปี อดีตทหารเรือยิงเสียชีวิต บริเวณเกาะกลางถนนตรงข้ามวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ใกล้วงเวียนสิบสามห้างถนนบวรนิเวศ แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. เมื่อเย็นวันที่ 7 ม.ค. ชุดสืบสวนนครบาล สืบสวนภาค 2 และกองปราบปรามประสานตำรวจกัมพูชาจับกุมจ่าเอ็ม หลังหลบหนีเข้าไปในพื้นที่ จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา อยู่ระหว่างประสานส่งตัวกลับมาดำเนินคดี

ความคืบหน้าจาก สน.ชนะสงคราม เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ม.ค. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า เมื่อวานนี้นอกจากออกหมายจับจ่าเอ็มมือปืนแล้ว วันเดียวกัน พ.ต.ท.ภัชชภณ สุประดิษฐ์ สว.(สอบสวน) สน.ชนะสงคราม นำพยานหลักฐานเสนอศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับนายคิมริน พิช ชาวกัมพูชา หมายจับเลขที่ 104/2568 ลงวันที่ 8 ม.ค.68 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เนื่องจากข้อมูลการสืบสวนสอบสวนพบว่า นายคิมริน พิช เป็นคนชี้เป้าให้จ่าเอ็มยิงนายลิม คิมยา พร้อมประสานชุดสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

...

ต่อมาเวลา 11.20 น. ภรรยาชาวฝรั่งเศสวัย 70 ปีของนายลิม คิมยา และลุงชาวกัมพูชา พร้อมผู้ติดตามอีก 2 คน รวม 4 คน เดินทางมาที่ สน.ชนะสงคราม โดยรถยนต์โตโยต้า เซียนต้า สีส้ม ทะเบียน 6 กค 9328 กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าพบ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี และพนักงานสอบสวน เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวจำนวนมากบริเวณหน้าโรงพักรู้สึกตกใจรีบใช้ผ้าคลุมหัวเพื่อปิดบังใบหน้า แล้วรีบเดินเข้าโรงพักไป

มีรายงานว่า หลังเกิดเหตุยิงนายลิม คิมยา และสอบสวนภรรยาชาวฝรั่งเศสแล้ว เจ้าหน้าที่นำภรรยาผู้ตายไปพักในเซฟเฮาส์แห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัย รอให้เหตุการณ์คลี่คลายก่อนพาไปดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารและติดต่อรับศพ ประกอบกับรอเอกสารรับรองจากสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชาหรือสถานทูตฝรั่งเศสด้วย ขึ้นอยู่กับภรรยาผู้ตายว่าจะนำศพสามีไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศไหน เนื่องจากลูกทั้ง 3 คน ยังตกลงกันไม่ได้ ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ รพ.วชิรพยาบาล สอบถามเจ้าหน้าที่แผนกนิติเวช ได้รับคำตอบว่า ยังไม่มีญาติผู้ตายหรือตัวแทนมาติดต่อรับศพ

พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวหลังการพูดคุยกับภรรยาผู้ตายว่า วันนี้ภรรยาผู้ตายเดินทางมาติดต่อเกี่ยวกับเอกสารการรับศพสามี ตนอำนวยความสะดวกและบริการเนื่องจากเป็นชาวต่างชาติ หลังจากนี้ภรรยาผู้ตายมีความประสงค์จะเดินทางไปที่ รพ.วชิระ เพื่อขอดูศพสามี วันนี้ยังไม่สามารถนำศพออกได้ เนื่องจากเอกสารหลักฐานการรับศพยังไม่พร้อม หลังจากดูศพสามีแล้วจะไปพบเจ้าหน้าที่กงสุลสถานทูตฝรั่งเศสเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเอกสาร นอกจากนี้จะพาตัวภรรยาผู้ตายไปศาลอาญา เพื่อขอสืบพยานล่วงหน้าในวันที่ 13 ม.ค. เพราะภรรยาผู้ตายจะเดินทางกลับประเทศฝรั่งเศสเร็วๆนี้

ที่ บก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ยืนยันว่า ขณะนี้จ่าเอ็มอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมายของทางการกัมพูชา เนื่องจากเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้องดำเนินคดีที่กัมพูชาก่อน แต่รอง ผบ.ตร.และ ผบช.น.ทำหนังสือทางการทูต เพื่อขอให้ส่งตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อที่ไทยแล้ว คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน คดีนี้ตำรวจไทยเป็นคนไปประสานงานตำรวจกัมพูชา ร่วมกันไล่ล่าติดตามตัวด้วยกัน จ่าเอ็มใช้เส้นทาง จ.ชลบุรี และ จ.จันทบุรี เป็นทางผ่าน มีวิธีหลอกตบตาเจ้าหน้าที่สืบสวน ก่อนเดินทางออกทางชายแดน จ.สระแก้ว เข้าไปยังกัมพูชา ตำรวจจับกุมขณะจ่าเอ็มนั่งกินข้าวอยู่ที่ จ.พระตะบอง แต่ไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุที่ตัว พบเพียงบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรข้าราชการ ส่วนรายละเอียดตำรวจไทยยังไม่ได้สอบปากคำ ไม่สามารถบอกได้ว่าเหตุใดจ่าเอ็มถึงหลบหนีไปกัมพูชา ต้องรอส่งตัวกลับมาสอบปากคำก่อน

“ส่วนอาวุธปืน ตอนนี้เรียกตำรวจที่รับจำนำปืนของจ่าเอ็มไว้ 2 หมื่นบาท มาสอบปากคำแล้วเบื้องต้นยอมรับว่ารับจำนำปืนจ่าเอ็มไว้จริง ก่อนมาขอไถ่ไปแล้วนำไปก่อเหตุ แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับโชเฟอร์แท็กซี่สีเขียวเหลืองที่จ่าเอ็มโดยสารรถออกจากปั๊ม หลังทิ้งรถ จยย.พาหนะที่ใช้ก่อเหตุ เชิญมาสอบปากคำแล้วเช่นกัน ยืนยันว่าไม่รู้จักกันมาก่อนและไม่เกี่ยวข้องกับคดี คนร้ายเพียงมาว่าจ้างให้ไปส่งเท่านั้น” ผบก.สส.บช.น.กล่าว

พล.ต.ต.ธีรเดชยืนยันด้วยว่า จะติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการ หรือช่วยเหลือให้การสนับสนุนเพิ่มเติมด้วย โดยเฉพาะคนชี้เป้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่า เข้ามาพร้อมกับผู้เสียชีวิตและมีพิรุธ เพราะเดินดูลาดเลาบริเวณจุดเกิดเหตุหลายครั้ง รวมถึงหลังเกิดเหตุหลบหนีออกนอกประเทศผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิทันที เชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการสัญชาติเดียวกันอีก ตำรวจขอเวลาทำงานสักระยะ แต่ตอนนี้ออกหมายจับคนชี้เป้าแล้ว ขั้นตอนต่อไปอยู่ระหว่างประสานตำรวจสากลขอออกหมายแดง เพื่อติดตามตัว นำผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศมาดำเนินคดี ส่วนผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่าคนร้ายจะไหวตัวทัน

มีรายงานว่า ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. ตรวจสอบเส้นทางการเงินนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม มือปืน พบว่ามีบุคคลต้องสงสัยโอนเงินเข้าบัญชีของนายเอกลักษณ์จำนวน 3 หมื่นบาท หลังจากนั้นนายเอกลักษณ์นำเงิน 2 หมื่นบาทไปไถ่ปืนที่จำนำไว้กับเพื่อนคืนมา แล้วนำไปก่อเหตุสังหารนายลิม คิมยา อดีต สส.กัมพูชา ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังขยายผลเร่งตรวจสอบว่าผู้ที่โอนเงินมาให้เป็นใคร เกี่ยวข้องกับทีมสังหารหรือไม่ เพื่อติดตามตัวมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

...