ผบช.สอท.เผยชายไทยตกตึก 18 ชั้น ฝั่งปอยเปต กัมพูชา เป็นชาวกาญจนบุรี รับอาคารเกิดเหตุเกี่ยวข้อง กับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เร่งประสานข้อมูลทำงานเชิงลึก เผยสาเหตุไม่ช่วยคนไทยแม้รู้ที่ตั้งเพราะบางกลุ่มเข้าไปทำงานด้วยความเต็มใจ แม่เหยื่อปาดน้ำตารอรับเถ้ากระดูกกลับมาบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด หลังทางการเขมรช่วยเผาศพเรียบร้อย เพื่อนร่วมงานแฉ ผู้ตายถูกกดดันหลายอย่างจนตัดสินใจกระโดดตึกลาโลก
กลายเป็นเรื่องราวสะเทือนใจ และเป็นอุทาหรณ์ ให้ผู้จะไปทำงานกับกลุ่มมิจฉาชีพระวังตัว กรณีสื่อโซเชียลเผยแพร่คลิปและข้อมูลอ้างมีชายไทยคนหนึ่งถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของกลุ่มจีนเทาในฝั่งเมืองปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา แล้วพลัดตกจากชั้น 14 ของอาคาร 18 ชั้น ที่เปิดเป็นกาสิโน ขณะพยายามหลบหนีกลับเมืองไทยลงมาเสียชีวิต แต่ญาติไม่มีเงินทำศพต้องขอให้เผาร่างแล้วนำเถ้ากระดูกกลับบ้านเกิด
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวัน 9 ม.ค. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีมีชายไทยตกจากตึกสูง 18 ชั้น ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชาว่า จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าชายคนดังกล่าวเป็นชาว จ.กาญจนบุรี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา จากนี้ต้องสืบสวนว่า ชายรายดังกล่าวเข้าไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างไร ถูกล่อลวงหรือเต็มใจไป ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ตำรวจไซเบอร์ในพื้นที่ สืบสวนเชิงลึกว่ากลุ่มขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในตึกหลังดังกล่าว มีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายให้เข้าไปทำงานในรูปแบบใด
พล.ต.ท.ไตรรงค์ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีฐานข้อมูลเชิงลึกของตึกทั้ง 2 แห่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามชายแดน จ.สระแก้ว เนื่องจากที่ผ่านมาได้บุกเข้าไปจับกุม ช่วยเหลือผู้ต้องหาและผู้เสียหาย รวมไปถึงออกหมายจับกลุ่มขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในตึกทั้ง 2 แห่งมาแล้ว การกวาดล้างจับกุมได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทางการกัมพูชา
...
ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่า ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้วว่ามีขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เหตุใดไม่เข้าไปช่วยเหลือและดำเนินการ ทำได้แค่จับกุมหรือช่วยเหลือบางคนตามที่เป็นข่าว ผบช.สอท.ระบุว่า แม้ตำรวจไซเบอร์จะมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่การช่วยเหลือต้องดูเป็นกรณีไป เพราะบางคนเต็มใจที่จะเข้าไปทำ บางคนก็ถูกหลอก ยกตัวอย่างที่ทางการเมียนมาปล่อยตัวคนไทย 150 คน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั้ง 150 คน ล้วนเต็มใจเข้าไปทำงานกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจาก จ.สระแก้วว่า ล่าสุดญาติของชายที่ตกตึกเสียชีวิต ไม่ประสงค์จะรับร่างออกมาทำพิธีที่เมืองไทย เพราะกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และศพชายดังกล่าวถูกเผาไปแล้วที่วัดแห่งหนึ่งในฝั่งปอยเปต ญาติได้ประสานขอรับเป็นเถ้ากระดูกนำกลับมาบำเพ็ญกุศลต่อไป ส่วนสาเหตุที่ทำให้ชายดังกล่าวกระโดดตึกลงมา เจ้าหน้าที่ไทยได้ข้อมูลเชิงลึกจากคนไทยที่เป็นเพื่อนผู้ตายและไปทำงานอยู่ที่เดียวกันว่า ผู้ตายมีความเครียด หลังเข้าไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ไม่สามารถทำยอดได้ตามเป้า และถูกกดดันหลายอย่าง ทั้งข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย และส่งตัวไปกักขังในพื้นที่อื่นเลยตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีความทรมาน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เข้าพบนายมานะ อินทรมณี รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองปลาไหลเพื่อขอทราบข้อมูล นายมานะกล่าวว่า ตนเคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 ต.หนองปลาไหล อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี เมื่อวาน มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาขอข้อมูลของผู้เสียชีวิตที่ตกตึกตายในฝั่งกัมพูชา ระบุชื่อ นายอลงกรณ์ ดียิ่ง อายุ 30 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 80/3 หมู่ 11 ต.หนองปลาไหล เป็นบ้านพักของหัวหน้าส่วนการคลังเทศบาลตำบลหนองปลาไหล
นายมานะกล่าวต่อว่า ตนรู้จักกับครอบครัวผู้ตายป็นอย่างดี เนื่องจากมารดาผู้ตายเป็นอดีตหัวหน้าส่วนการคลังเทศบาลตำบลหนองปลาไหล ส่วนบิดาเป็นอดีตทหารสังกัดกองพลทหารราบที่ 9 เสียชีวิตไปนานแล้ว เมื่อ 4 ปีก่อน มารดาได้เกษียณราชการและย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน ไปอยู่ที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี แต่ผู้ตายยังไม่ได้ย้ายออกเลยยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังดังกล่าว เทศบาลได้ค้นหาเบอร์โทร.ญาติพี่น้องของมารดาผู้ตาย และได้ให้เบอร์น้าชายของผู้ตายเป็นตำรวจอยู่ จ.อุตรดิตถ์ ไปแล้ว ที่ผ่านมาเคยพบกับผู้ตายเป็นคนเงียบๆ แต่ไม่ทราบว่าทำงานอะไร กระทั่งมาทราบว่าตกตึกเสียชีวิต ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ตายด้วย
เย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวไปที่ห้องแถวเลขที่ 141 ชุมชนตลาดสดลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี พบกับนางปิ่นนภา ดียิ่ง อายุ 64 ปี แม่ของนายอลงกรณ์ หรือปั๊ม ดียิ่ง ผู้ตาย เพื่อสอบถามข้อมูลของลูกชาย นางปิ่นนภามีสีหน้าแววตาโศกเศร้าเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ม.ค. ประมาณ 3 ทุ่มเศษ ลูกชายมาบอกว่าจะไปทำงานกับเพื่อน 3 วัน ที่ จ.ราชบุรี ไม่ได้บอกว่าจะทำงานอะไร จากนั้นมีผู้ชายขับรถมารับออกจากบ้านไป
“ลูกบอกว่าไปแค่ 3 วัน จะกลับมาวันพุธ ผ่านจันทร์ อังคาร พุธ ยังไม่กลับ แม่ก็รอว่าเดี๋ยวเขาคงมา แต่ติดต่อลูกไม่ได้เลย ลูกชายมีนิสัยร่าเริงขยันทำงาน ก่อนหน้าเป็นทหาร ลูกไม่ได้พูดอะไรเป็นลางสังหรณ์เลย บอกแค่ว่าจะไปทำงานราชบุรี กลับวันพุธ เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน ส่วนศพให้ทางกัมพูชาเผามาเลย เรื่องติดใจ แม่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นในข่าวบอกว่าพวกคอลเซ็นเตอร์เอาคน 18 คนไปทำอะไรไม่รู้ ไม่คิดว่าจะเป็นลูกแม่ เสียใจสุดหัวใจ มีลูกคนเดียว ตอนนี้ก็อยู่ตัวคนเดียว สามีตายไปนานแล้ว ไม่รู้จะไปพึ่งใคร แก่แล้ว เพิ่งจะเกษียณมา อยากให้ทางการช่วยเหลือ แต่ไม่รู้จะติดต่อยังไง อยากให้พวกเพื่อนที่ไปด้วยกันมาบอกข่าวบ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จะได้ทราบเรื่องเพราะแม่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เสียใจกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับ” นางปิ่นนภากล่าวทั้งน้ำตาคลอเบ้า
ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้เปิดคลิปเหตุการณ์ที่นายอลงกรณ์ ลูกชายร่วงตกลงมาจากตึกให้ดู นางปิ่นนภายกมือปาดน้ำตา พร้อมให้ข้อมูลอีกว่า น้องชายตนได้ดำเนินการประสานกับทหารที่นั่นแล้ว ทางปอยเปตเผาศพแล้วจะส่งกระดูกทางไปรษณีย์มาให้ที่บ้านใน จ.กาญจนบุรี และจะได้ทำบุญให้ลูกชายอีกครั้ง
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
...