วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวัน พระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2470 ณ โรงพยาบาลเมาท์ ออเบิร์น นครบอสตัน ประเทศสหรัฐ อเมริกา โดย นพ.วิทท์มอร์ เป็นผู้ถวายการประสูติ ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ในรัชกาลที่ 9 บรมจักรีวงศ์ กรุงรัตนโกสินทร์ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจและทรงเจริญพระราชจริยวัตร เป็นอเนกประการ ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน สุดจะพรรณนาให้ครบถ้วน พระราชกระแสพระราชดำรัสของพระองค์ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม ยังอยู่ในใจของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า
มีพระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมไว้ตอนหนึ่ง “บ้านเมืองของเราเป็นปึกแผ่นร่มเย็นเป็นสุขมาช้านาน เพราะเรามีความยึดมั่นในชาติและต่างร่วมมือร่วมแรงใจกันทำหน้าที่ โดยนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของชาติเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด ท่านทั้งหลาย ในสมาคมนี้ ตลอดจนคนไทยทุกหมู่เหล่า จึงควรทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนไว้ให้กระจ่างและนำไปปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ด้วยความไม่ประมาทและด้วยความมีสติ” เป็นพระราชดำรัสที่เป็นมงคลที่พสกนิกรทูลเกล้าฯ เอาไว้เตือนสติเพื่อให้คนไทยช่วยกันพัฒนาประเทศชาติให้รุ่งเรืองและอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุขตลอดไป
วันพ่อแห่งชาติ จัดให้มีขึ้นในครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2523 ริเริ่มโดย คุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา มีสัญลักษณ์เป็นดอกพุทธรักษา
ในอดีต ประเทศไทย กำหนดให้วันชาติไทยเป็นวันสำคัญของประเทศเริ่มตั้งแต่ปี 2463 กำหนดให้ตรงกับวันที่ 6 เม.ย.ซึ่งตรงกับ วันจักรี ต่อมาในปี 2475 ได้มีการ เปลี่ยนแปลงวันชาติ เป็นวันที่ 24 มิถุนายน ตามยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนกระทั่งปี พ.ศ.2503 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ออกประกาศให้มีการเฉลิมฉลองวันชาติ เป็นวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 9 ให้ถือเป็นวันชาติไทยตั้งแต่นั้นมา
...
จนกระทั่งปี 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกประกาศด้วย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณรัชกาลที่ 10 มีพระบรมราชโองการให้กำหนดวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสำคัญของประเทศคือวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษารัชกาลที่ 9 วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ เริ่มจาก พ.ศ.2560 เป็นต้นมา
ความสำคัญของวันชาติ-วันพ่อแห่งชาติ-วันคล้ายวัน พระราชสมภพรัชกาลที่ 9 ไม่ใช่อยู่ที่การเฉลิมฉลอง หรือการจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่อยู่ที่คนไทยจะมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ยึดมั่นในพระราชดำรัสอย่างเข้าใจ และเข้าถึงแค่ไหน โดยเฉพาะข้าราชการและนักการเมือง ยอมละเว้นผลประโยชน์ส่วนตัวได้แค่ไหนด้วย.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม