อดีตข้าราชการครูแห่แจ้งความ ปอศ.ดำเนินคดีประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุทัยธานี เบื้องต้นแค่ 10 คน ความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท แฉถูกชักชวนด้วยโครงการน่าเชื่อถือให้ลงทุนเงินดิจิทัลสกุล TRON (TRX) รับเงินปันผลสูงถึงร้อยละ 0.3-0.9 ต่อวัน 100 วัน ตอนแรกได้เงินปันผลจริง แต่พอจะถอนเงินต้นคืนกลับทำไม่ได้ บ่ายเบี่ยงจนขาดการติดต่อ ตะลึงเหยื่อมีทั้งอดีตครู บุคลากรการศึกษา และเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ทั้งในภาคกลาง อีสาน และภาคตะวันออก บางคนเสียหายหลักหลายล้านบาท มีเหยื่อเครียดจัดถึงขนาดเบาหวานขึ้นตาถึงกับตาบอดไปแล้ว
กรณีกลุ่มข้าราชการบำนาญครู 6 จังหวัด ส่งตัวแทนเข้าร้องเรียนหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กรณีถูกอดีตผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่ง ปัจจุบันเป็นประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแห่งหนึ่ง หลอกให้ร่วมลงทุนเงินคริปโตเคอร์เรนซี หรือเงินดิจิทัล อ้างว่าเป็นสกุลดีอาร์เอ็กซ์ ยืนยันได้ผลตอบแทนสูง จนมีข้าราชการครูเกษียณอายุราชการหลงเชื่อนำเงินเก็บก้อนสุดท้ายมาร่วมลงทุนเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท สุดท้ายไม่ได้เงินคืนแม้แต่บาทเดียว หลายคนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจตามท้องที่ต่างๆ แต่เกรงคดีไม่คืบหน้าจึงเข้ามาร้องเรียน นสพ.ไทยรัฐ ให้ช่วยเหลือติดตามคดีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าจากศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 พ.ย. น.ส.สุดฤทัย แจ่มแสง อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการบำนาญ สพป.อุทัยธานี พร้อมกลุ่มผู้เสียหายเป็นอดีตข้าราชการบำนาญ บุคลากรทางการศึกษา และผู้รับเหมาก่อสร้างใน จ.นครสวรรค์ จ.พิษณุโลก จ.ระยอง จ.ขอนแก่น จ.อุทัยธานี และ จ.สระบุรี รวม 10 คน เข้าพบ พ.ต.ต.หญิง ปวรี เขื่อนเพ็ชร สว. (สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ. แจ้งความดำเนินคดีบริษัท ดีทีเอ็กซ์ คอร์เปอเรช่ัน จำกัด และนายรัตนชัย ศรีโกมล อดีตผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.อุทัยธานี ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุทัยธานีและผู้เกี่ยวข้อง หลังถูกหลอกให้ลงทุนบริหารสินทรัพย์ ด้วยการซื้อเงินดิจิทัลสกุล TRON (TRX) ความเสียหายรวมกว่า 20 ล้านบาท
น.ส.สุดฤทัย แจ่มแสง อดีตข้าราชการบำนาญ สพป.อุทัยธานี ตัวแทนผู้เสียหาย เผยว่า เมื่อปี 2564 ได้รับการชักชวนจากนายรัตนชัย ศรีโกมล ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุทัยธานี ให้ร่วมลงทุนเหรียญดิจิทัล “TRX” พร้อมบอกว่าเป็นบอร์ดของบริษัทดังกล่าว ก่อนนำรายละเอียดแผนผังการลงทุน หนังสือรับรองบริษัท บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นมาแสดงให้ดู พร้อมแนะนำให้หาสมาชิกมาร่วมลงทุนด้วย อ้างว่าจะได้รับเงินปันผลอัตราสูงร้อยละ 0.3-0.9 ต่อวัน หลังฟังแผนการลงทุนทำให้หลงเชื่อ เพราะผู้มาชวนลงทุนเป็นถึงประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุทัยธานี บริหารเงินเป็นพันล้านบาท รวมทั้งภาพลักษณ์หรูหราไม่น่าจะมีปัญหา จึงลงทุนไปหลายครั้งรวมเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท เริ่มแรกให้สร้างยูสเซอร์ จากนั้นให้โอนเงินลงทุนไปที่บริษัท ทุก 100 วันจะได้รับเงินปันผลคืน
...
“เริ่มแรกได้เงินปันผลตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้จริง หลงเชื่อเพิ่มเงินลงทุนอีก ก่อนไปชักชวนอดีตข้าราชการครูบำนาญมาร่วมลงทุนด้วย ต่อมาได้รับการแนะนำให้สร้างทีม ทีมละ 3-4 คน จะได้เป็นแม่ทีม มีรางวัลตอบแทนให้ ด้วยความที่เห็นว่าได้เงินจริง จึงสร้างทีมโดยการเอาชื่อญาติพี่น้องมาเป็นลูกทีมแต่เป็นคนออกเงินเอง รวมทั้งชักชวนเพื่อนอดีตข้าราขการครูบำนาญมาลงทุนด้วย หลังจากนั้นพอจะถอนเงินต้นได้รับคำตอบว่า จะได้เงินคืนภายใน 100 วัน พร้อมมีข้อเสนอใหม่ให้นำผลตอบแทนที่ได้มาเติมลงไปอีก ลงทุนยิ่งเยอะยิ่งได้ผลตอบแทนมาก แต่เมื่อครบกำหนด 100 วันกลับถอนเงินออกมาไม่ได้ สอบถามไปที่นายรัตนชัยกลับบ่ายเบี่ยง อ้างไปต่างๆนานา ต่อมาบริษัทมีหนังสือชี้แจงกลับมาว่า เงินดิจิทัลผันผวนทำให้ไม่สามารถคืนเงินให้สมาชิกได้ จนสุดท้ายติดต่อไม่ได้อีกเลย” น.ส.สุดฤทัยกล่าว
น.ส.สุดฤทัยกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากนายรัตนชัยรวมทั้งบรรดาผู้บริหารของบริษัท ไม่ให้แจ้งความตำรวจ ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้เงินคืน ทั้งนี้มีผู้เสียหายเป็นบรรดาอดีตข้าราชการบำนาญและบุคลากรทางการศึกษาในหลายจังหวัดนำเงินมาลงทุนตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักหลายล้านบาทด้วย
ด้าน น.ส.สุภาวดี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี รับมอบอำนาจจากนายวิเชียร (ขอสงวนนามสกุล) บิดา ให้มาแจ้งความดำเนินคดี เผยว่า พ่อทำงานเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรู้จักกับนายรัตนชัยมานานแล้ว ต่อมาเมื่อเดือน ต.ค.2565 ได้รับการชักชวนให้นำเงินมาร่วมลงทุนทั้งหมด 5 ล้านบาทจะได้รับเงินปันผลตอบแทน หลังครบ 100 วันจะถอนเงินต้นคืนได้ แรกๆได้รับเงินปันผลจริง แต่สุดท้ายเมื่อครบกำหนดถอนเงินต้นกลับถอนไม่ได้ตามที่ตกลงกันไว้ แรกๆพ่อไม่เชื่อว่าจะถูกหลอก เพราะสนิทกันมาก ต่อมาเมื่อมีผู้เสียหายเพิ่มมากขึ้นจึงเริ่มรู้ตัวไปแจ้งความไว้ ทุกวันนี้ด้วยความที่พ่อป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นทำให้เครียดหนักจนเบาหวานขึ้นตาทำให้ตาบอดไปแล้ว
พ.ต.ท.หญิงปวรี เขื่อนเพ็ชร สว.(สส.)กก.4 ปอศ. สอบถามผู้เสียหายอีกราย ถึงสาเหตุการตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนกับบริษัท ดีทีเอ็กซ์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้เสียหายรายนี้ให้ปากคำว่า ได้รับการชักชวนจากเพื่อนที่รู้จักให้ไปร่วมสัมมนาบริษัทดีทีเอ็กซ์ฯที่ จ.ชลบุรี การลงทุนเพื่อนที่ชักชวนจะเป็นคนดูแลและจัดการการลงทุนให้ เพียงแค่โอนเงินตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ปรากฏว่า สุดท้ายไม่สามารถถอนหน่วยการลงทุนตามที่ลงทุนไปได้ เสียหายเป็นเงินประมาณ 900,000 กว่าบาท
มีรายงานด้วยว่า ผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ตรวจสอบบริษัท ดีทีเอ็กซ์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ตรวจสอบด้วยตัวเองเบื้องต้นพบว่า ยูสเซอร์เนมของสมาชิกที่ถูกหลอกลงทุนคดีดังกล่าวเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ มีถึง 4 พันยูสเซอร์เนม มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท คาดน่าจะมีผู้เสียหายทยอยแจ้งความดำเนินคดีอีกจำนวนมาก
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ปอศ.รับเรื่องพร้อมสอบปากคำ และรวบรวมเอกสารของผู้เสียหายเพื่อนำมาประกอบสำนวน ก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายชูกิต สัมมาพิทักษ์ อายุ 62 ปี อยู่เลขที่ 222 หมู่ 10 ต.หนองจอก อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี เผยว่า รู้จักสนิทสนมดีกับนายเสวก พันธ์อ้น ผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี ชักชวนหว่านล้อมให้นำเงินมาลงทุนกับบริษัทดีทีเอ็กซ์ฯ 3 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 10 ส.ค.66 เป็นเงินสด 125,000 บาท ครั้งที่ 2 วันที่ 12 ต.ค.66 โอนจากบัญชีธนาคารกรุงไทยไปยังบัญชีธนาคารกรุงไทยอีก 300,000 บาท และครั้งที่ 3 โอนผ่านบัญชีเดียวกันอีก 42,800 บาท รวมเป็นเงิน 567,800 บาท นายเสวกอ้างว่าจะนำเงินไปซื้อเหรียญสกุล TRON (TRX) จากนั้นไม่สามารถถอนเงินออกจากกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทได้เลย เรื่องนี้แจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุทัยธานีปีกว่าแล้ว คดียังไม่คืบหน้า
...
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่