เราดูจะรู้เรื่อง “แมงเม่าบินเข้ากองไฟ” กันทั้งนั้น แต่ไม่เคยรู้เลย เจ้าแมงเม่ามันตาย ให้เราเอามาพูดเป็นสำนวนเปรียบเปรยกัน แล้วก็แค่นั้น?
อ่าน “นาฬิกาชีวิต” เรื่องแรก ในชุด “สวนเด็กหรรษา” ในหนังสือ นักเล่านิทานและอื่นๆ (สวนเงินมีมา พิมพ์ พ.ศ.2562) แล้วจึงรู้ว่า วิถีแมงเม่า มีภาคต่อ
นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว เล่าถึงชีวิตวัยเด็กในหน้าฝนที่ซุกซนจับปลาริมคลอง แล้วยังมีเรื่องของแมงเม่า
แมงเม่านี้คือปลวกตัวเมียแก่ๆที่มีปีก อาศัยอยู่ใต้ดิน พอถึงหน้าฝนแล้วมันจะบินออกจากโพรงมาเป็นหมื่นๆตัว มาเล่นไฟ
และปีกมันก็จะร่วงเหลือแต่ตัวเปล่าๆ เดินต่อกันเป็นเหมือนขบวนรถไฟทีละสามสี่ตัวไปตามพื้นดิน
ในวันที่แมงเม่าบุกบ้านคน พวกเราจะปิดไฟทุกดวง เหลือแต่ดวงนอกชาน แล้วใช้กะละมังซักผ้าขนาดใหญ่รองน้ำไว้ครึ่งหนึ่งวางไว้ใต้ดวงไฟ
แมงเม่าจะบินมาเล่นไฟจนแน่นครืด มองเห็นเป็นแมลงสีน้ำตาลเข้มกลุ่มโต ได้ยินเสียงปีกบางกระพือดังหึ่งๆ
คะเนว่ามากันมากพอแล้ว เราก็จะใช้ผ้าตะปบให้แมงเม่าร่วงลงน้ำในกะละมัง
อันที่จริงไม่ต้องตะปบปีกมันก็หลุดร่วงลงพื้นอยู่แล้ว
และถ้าสังเกตให้ดีตามมุมเสา มุมเพดาน จิ้งจกตุ๊กแกทั้งหมดจะมาชุมนุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
แต่ละตัวพากันไล่กินแมงเม่าอุตลุด
ส่วนตรงพื้นดินก็เช่นเดียวกัน อึ่งอ่างกับคางคกก็แห่มาตวัดลิ้นแผล็บๆ กระโดดกินแมงเม่ากันพุงกาง
เรียกว่างานนี้ มีแมงเม่ามาให้กินอย่างอิ่มหนำสำราญทั่วหน้า
แมงเม่าที่เราจับมาได้เต็มกะละมังนั้น เตรียมกระทะตั้งไฟแรงจัดไว้เลย
ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย พร้อมเกลือป่นช้อนโตๆ อย่าใส่มากเดี๋ยวจะเค็มเกินไป
...
กอบแมงเม่าเปียกๆในกะละมังใส่ให้เต็มกระทะร้อนๆ แล้วตั้งหน้า ตั้งตาใช้ตะหลิวผัดไปมาจนน้ำระเหยแห้ง
ตรงนี้แหละน้องเอ๋ย กลิ่นแมงเม่ามันๆ คั่วกับน้ำเกลือเค็มๆหอมๆ จะกรุ่นขึ้นมายั่วน้ำลายดีนัก
ผัดไปจนปีกร่วง และแมงเม่ากระทะโตแห้งกรอบก็จะได้แมงเม่าแห้งไว้กินเล่น เค็มๆมันๆ อร่อยเสียยิ่งกว่าถั่วแขกไม่รู้สักกี่เท่า
ผมตั้งใจคัดลอกทุกตัวหนังสือที่นิพัทธ์พรเขียน ครับเธอคนนี้ ภาษาสำนวนงดงามอ่านง่าย เด็กอ่านสบาย ตาแก่เรี่ยวแรงน้อยอย่างผม ก็ได้พลอยอาศัยหาเรื่องลงคอลัมน์รอดไปได้วันหนึ่ง
ประสบการณ์วัยเด็กทุกเรื่องที่เธอบันทึกเก็บไว้แล้วเอามาเขียน มีสาระเหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่แปลกใจที่ สสส.สนับสนุนพิมพ์หนังสือเล่มนี้ นี่คือรางวัลที่ภาคประชาสังคมหยิบยื่นให้
งานของผมน่าจะมีก็ตรงที่จะขมวดเรื่องแมงเม่าให้เข้ากับชีวิตของผู้คนในบางบ้านเมือง นโยบายลดแลกแจกแถมสไตล์ “เสี่ยสั่งลุย” เรียกน้ำใจจากกลุ่มคนที่วันนี้ใช้คำว่า “เปราะบาง” ได้
แต่กับคนพวก “วิญญูชน” คนที่เรียกหา “จริยธรรม” นักการเมืองนั้น เขามองไปตรงข้าม
เงินทุนของประเทศที่เหมือนโครงสร้างบ้านหลังใหญ่ หากถูกใช้อำนาจ ถอด รื้อ ถอน ไปเป็นเงินแจก แจกเสียจนภาษาวงไพ่ว่า “หมดตูด”
มีเหตุมีผลมากพอที่จะทำให้พวกเขากลัวกันว่า เศรษฐกิจประเทศเราจะพัง
ข้อทักท้วง ตัวตนของคนเป็นประธานแบงก์ชาติที่ผูกพันกับอำนาจการเมือง จึงควรเป็นเรื่องที่ช่วยกันเงี่ยหูฟัง ไม่ใช่หมดลุ้นไปแล้วก็ผ่านเลย.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม