“รองหมู” เผยอาจต้องเรียก “เจ๊อ้อย” มาให้ปากคำเพิ่มอีก เพราะคดีมีรายละเอียดอีกมากที่พนักงานสอบสวนต้องการทราบด้าน “เจ๊อ้อย” เผยสื่อกลางดึกหลังเสร็จสิ้นให้ปากคำกองปราบฯเพิ่มเป็นวันที่ 2 รับสบายใจขึ้นเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เจ้าตัวลั่น “ใจสลาย” เพราะเมื่อก่อนคอยช่วยเหลือเหมือนคนในครอบครัว ด้านทนายเจ๊อ้อยเผยคดีคืบหน้า 60-70 เปอร์เซ็นต์ ชี้หากหลักฐานสาวถึงใครดำเนินคดีทั้งหมด รับไม่กังวลหากทนายคนดังพาครอบครัวไปต่างประเทศ

กรณี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ “เจ๊อ้อย” เศรษฐินีชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบฯติดต่อกัน 2 วันซ้อน หลังแจ้งความเอาผิดนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ข้อหาฉ้อโกง ต้มลงทุนหวยออนไลน์สูญเงิน 71 ล้านบาท โดยคดีถูกโอนจาก สภ.ปากช่อง มาอยู่ในมือตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ได้ตั้งคณะทำงานสอบสวนมอบหมาย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.เป็นหัวหน้า พร้อมระบุว่าทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ตำรวจคาดยังต้องเรียก “เจ๊อ้อย” สอบปากคำเพิ่มอีก เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 2 พ.ย. พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.หัวหน้าคณะสอบสวนคดี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ถูกทนายตั้มฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท เปิดเผยว่า หลังจากคณะพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย โดยใช้เวลาสอบปากคำถึง 2 วันไปแล้วนั้น หลังจากนี้จะเข้าไปดูสำนวนว่ายังขาดตกบกพร่องประเด็นไหนอีกบ้าง เพราะคดีนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมาก นอกจากสอบเจ๊อ้อยแล้ว ยังต้องสอบพยานที่เกี่ยวข้องต่างๆอีก รวมทั้งต้องมาดูอีกครั้งว่าการให้การของพยานนั้นมีข้อเท็จจริงอย่างไรและต้องหาหลักฐานอะไรมาเพิ่มเติมอีก ส่วนคณะพนักงานสอบสวนจะเรียก น.ส.จตุพร เข้ามาให้ปากอีกครั้งหรือไม่นั้น ยังไม่ได้รายงานมา แต่คดีนี้ยังมีรายละเอียดอีกมากที่พนักงานสอบสวนต้องการทราบ คาดว่าคงต้องเรียก น.ส.จตุพร มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีก แต่จะเป็นเมื่อไหร่ยังไม่ทราบ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนต้องการสอบปากคำครอบคลุมในทุกประเด็นที่สงสัย คาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกซักระยะหนึ่ง

...

ส่วนการเรียกสอบปากคำ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 พ.ย. พนักงานสอบสวนกองปราบฯได้เรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมเป็นวันที่ 2 ใช้เวลาสอบปากคำยาวนานเกือบ 12 ชม.ไม่แพ้วันแรก ท่ามกลางสื่อมวลชนหลายสำนักที่ปักหลักรอถ่ายภาพทำข่าวหน้าอาคารกองบังคับการปราบปรามอย่างไม่ลดละ

จนกระทั่งเวลา 20.45 น. น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวก่อนเดินทางกลับว่า รายละเอียดต่างๆให้ตำรวจไปหมดแล้ว ไม่อยากจะพูดอะไรกล้วจะเสียรูปคดีแต่ยืนยันว่าไม่ได้ให้โดยเสน่หา ทั้งนี้ หลังมาให้ข้อมูลตำรวจแล้วสบายใจขึ้น ไม่เป็นกังวล ที่ผ่านมาหลังจากนำเงินมาลงทุนด้วยแล้วคู่กรณีไม่มีการติดต่อมาแต่อย่างใด เรายื่นโนติสให้ไปแล้วแต่เขาไม่ติดต่อมาเลยไม่มาหาหลายเดือนแล้ว เมื่อถามว่ารู้สึกผิดหวังกับทนายคนดังหรือไม่ เจ๊อ้อยถึงกับตอบว่า ใจสลาย เมื่อก่อนคอยช่วยเหลือตลอดทั้งในเรื่องการท่องเที่ยว เหมือนเป็นคนในครอบครัวพี่ ผู้สื่อข่าวถามว่าจุดแตกหักคือเรื่องเงินหรือเรื่องรถ เจ๊อ้อยตอบว่า รู้ระแคะระคายมาระยะหนึ่งแล้ว ถ้าเขามาเจรจาก็ไม่ยอมความแล้วจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ด้านนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความเจ๊อ้อย กล่าวว่า วันนี้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เก็บตกประเด็นต่างๆมากขึ้นกว่าเมื่อวานนี้เยอะ มีคืบหน้าไป 60-70 เปอร์เซ็นแล้ว ส่วนข้อมูลเรื่องเงิน 39 ล้านบาทนั้น ไม่ขอลงรายละเอียดมันเป็นเรื่องอยู่ในสำนวนแล้ว ทั้งนี้ เจ๊อ้อยกำชับให้ส่งรายละเอียดข้อมูลให้ตำรวจให้มากที่สุดและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ ส่วนจะดำเนินคดีกับใครนั้นถ้าพาดพิงไปถึงใครก็จะดำเนินคดีทั้งหมด ต้องดูเป็นคนๆว่ามีส่วนเกี่ยวข้องแค่ไหน เมื่อถามว่า ทราบเรื่องทนายคนดังไปทำวีซ่าไปต่างประเทศหรือไม่ ทนายสมชาติตอบว่า ไม่ทราบจริงๆ แต่ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่กังวล เชื่อใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่