ผบ.ตร.สั่งเด็ดปีกแก๊งตำรวจนักบินรีดเงินจีนเทา 300 ล้านบาท เข้าไปเอี่ยว 9 นาย กำชับให้ต้นสังกัดดำเนินการทั้งวินัยและอาญา และยังมีพลเรือนอีก 3 คน ขณะนี้เข้ามอบตัวและถูกจับกุมแล้ว 10 ราย ยื่นขอประกันตัว พนักงานสอบสวนอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนยังหลบหนีเร่งตามตัว

จากคดีฉาววงการสีกากีรวบตำรวจ 9 นายสังกัดตำรวจนครบาลและตำรวจไซเบอร์แก๊งรีดทรัพย์ 300 ล้านบาท ชาววานูอาตู นำกำลังบุกเข้าค้นบ้านที่จ.สมุทรปราการ อุ้มเหยื่อมารีดทรัพย์ต่อรองจนโอนเงินให้กว่า 5.7 ล้านบาทแล้วปล่อยตัวกลับ หลังก่อเหตุมีพลเรือนเข้าร่วมอีก 3 คน ก่อนตำรวจกระทำผิด 9 นาย และพลเรือน 1 คน เข้ามอบตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออีก 2 คน น.ส.อภัสรา ซ่อนกลิ่น หรือทราย ล่ามภาษาจีน และนายหยุน ต้าเหลียง ชาวจีนสามี น.ส.อภัสรา

ความคืบหน้าช่วงสายวันที่ 1 พ.ย. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า สั่งกำชับให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ดำเนินการเร่งรัดสั่งการสืบสวนจับกุมตัวมาดำเนินคดี และให้ต้นสังกัดดำเนินการทั้งวินัย อาญา อย่างเด็ดขาดโดยให้สืบสวนขยายผลผู้มีส่วนในการกระทำผิดต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด แล้วรายงานผลให้ทราบโดยเร็ว เป็นตำรวจทำผิดต้องรับโทษจะไม่มีละเว้น

ด้าน พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รรท.ผบช.สอท. ลงนามในคำสั่ง 209/2567 ลงวันที่ 21 ต.ค. เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการใจความว่ามีคำสั่งที่ 96/2567 ลงวันที่ 18 ต.ค. เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ ร.ต.อ.ธนกฤต กาญจนมาศ รอง สว.กก.1 บก.สอท.1 ด.ต.สุพรรณ ของใส จ.ส.ต.กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ ผบ.หมู่ กก.1บก.สอท.1 มาช่วยราชการที่ ศปก.บช.สอท.โดยให้ขาดจากตำแหน่ง และมอบให้ พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 เป็นประธานกรรมการสอบสวนให้แล้วเสร็จใน 30วัน

...

ขณะที่ พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวว่า ภายหลังกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดแรก 3 นายทราบว่า ถูกแจ้งจับรีบมอบตัวเข้ารับทราบข้อหา ขอให้การภายหลังเป็นหนังสือในเวลา 15 วัน จึงปล่อยตัวชั่วคราวตามกฎหมาย ส่วนชุดที่ 2 จับตามหมายจับมีทั้งมอบตัวและติดตามจับกุมมี 7 คน ตำรวจ 6 นาย พลเรือน 1 คน พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 7 คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอให้การภายหลังเป็นหนังสือในเวลา 15 วัน ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวมีทั้งใช้เงินสดและที่ดินเป็นหลักประกัน และคณะพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ในชั้นสอบสวน คดีดังกล่าวนี้อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. คณะพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งสำนวนการสอบสวนให้ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่รับคำร้องทุกข์ สำหรับผู้ต้องหาอีก 2 ราย ให้ฝ่ายสืบสวน บก.น.2 และ บก.สส.บช.น. ติดตามตัวจับกุมตัวมาดำเนินคดี ล่าสุดทั้ง 2 คนอยู่ระหว่างประสานติดต่อเข้ามอบตัว

ที่ บก.สอท.1 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.สอท.จำนวน 3 นายเข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการแก๊งตํารวจกับพลเรือนก่อเหตุอุ้มรีดทรัพย์ นายไซ สัญชาติวานูอาตู ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เป็นสกุลเงินดิจิทัลจำนวน 10 ล้าน USDT หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 300 ล้านบาทว่า การตรวจค้นมีการนำหมายศาลเข้าไปอย่างถูกต้องมีตำรวจกว่า 10 นายเข้าร่วมตรวจค้น ในจำนวนดังกล่าวเป็นตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา 3 นาย ประกอบด้วย 1.ร.ต.อ.ธนกฤต กาญจนมาศ รอง สว.กก.1 บก.สอท.1 2.ด.ต.สุพรรณ ของใส ผบ.หมู่ กก.1บก.สอท.1 และ 3.จ.ส.ต.กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ ผบ.หมู่ กก.1 บก.สอท.1 ทันทีที่ทราบเรื่องทางต้นสังกัดดำเนินการตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทันทีตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. รวมถึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทําผิด “นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดทิ้ง” ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังเหลือนิ้วให้ตัดอีกหรือไม่ ผบก.สอท.1 ตอบว่าถ้าพบมีความผิดจะดําเนินคดีทั้งอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะดําเนินการกับผู้บังคับบัญชาการของตํารวจทั้ง 3 นาย หากตรวจสอบพบว่าปล่อยปละละเลยจะต้องได้รับโทษทางวินัยฐานกํากับดูแลไม่เรียบร้อย ส่วนกรณีที่ตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ของตํารวจทั้ง 9 นายนั้น เบื้องต้นทราบว่าตํารวจทั้ง 9 นาย เคยอยู่ในสังกัดตํารวจไซเบอร์กันมาก่อน แล้วถูกโยกย้ายไปประจําหน่วยต่างๆ กระทั่งมารวมตัวกันจนเกิดเรื่องขึ้น ส่วนกรณีที่ตํารวจทั้ง 3 นาย เคยมีพฤติการณ์ก่อเหตุในพื้นที่ อ.ลําลูกกา จ.ปทุมธานีนั้น ตนไม่ทราบว่ามีประวัติดังกล่าว แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาดําเนินการกวดขันเข้มงวด ส่วนที่มีกระแสข่าวตํารวจไซเบอร์ทั้ง 3 นาย เป็นลูกน้องเก่าของนายพลตํารวจระดับสูงภายในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ สำหรับในเรื่องนี้ ตนไม่ทราบว่าใช่หรือไม่

มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้าที่ตำรวจแก๊งนี้จะเป็นข่าวใหญ่ กลุ่มตํารวจที่ก่อเหตุพยายามจะขอเจรจากับผู้เสียหายคืนเงินเพื่อยุติเรื่อง แต่มีตำรวจหนึ่งในกลุ่มนี้ทักท้วงว่าหากคืนเงินจะทําให้เป็นหลักฐานหรือเท่ากับยอมรับว่ากระทําผิดจริง ตัดสินใจที่จะเงียบ กระทั่งกลายเป็นเรื่องดัง ก่อนออกหมายจับจนเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการสีกากี

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่