ที่ไหนมีขุมทรัพย์ฉาวๆที่นั่นจะเห็นฝูงอีแร้งลงไปรุมทึ้งยั้วเยี้ยเต็มไปหมดเพราะกลิ่นมันหอมชวนให้โดดลงไปชิมด้วย

ปัจจุบันที่สังคมเปลี่ยนไปจากกลุ่มเดิมๆ ตำรวจ คนมีสี นักการเมืองที่มีอำนาจบารมีในสังคมก็แปรสภาพไปตามวิถีทาง

วันนี้จะเห็นคนมีอาชีพทนายความได้เข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้นเพราะมีการร้องและกล่าวหาเป็นคดีความกันมากอาชีพนี้ก็เจริญงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ไม่ใช่ค้าความธรรมดา แต่เป็นค้าความแล้วกรรโชกทรัพย์หากินบนความทุกข์ของชาวบ้านได้อีกจนร่ำรวยเอิกเกริกกันไปเลย

“หมอความ” ที่มีความรู้ความสามารถทางกฎหมายย่อมมีความเหนือที่มีลักษณะพิเศษกว่าอาชีพอื่นๆ

นอกจากนั้นยังมีอีกอาชีพหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอีกคือ “นักร้อง” ทั้งทางการเมืองและทั่วๆไป ซึ่งจะมีลักษณะซ้อนอยู่ในคนคนเดียวกัน

คือเป็นได้ทั้ง “นักบุญ” และ “คนบาป”

คดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ที่กำลังโด่งดัง ณ เวลานี้น่าจะเห็นภาพความชัดเจนของสังคมที่มีกระสือเข้าไปรุมล้อมทั้งประเภทหวังดีประสงค์ร้ายและพวกที่มีเจตนาบริสุทธิ์อยากช่วยคนที่ได้รับความเดือดร้อน

ล่าสุดตำรวจโอนคดีให้ดีเอสไอไปดำเนินการก็ห่วงกันว่าจะทำได้หรือไม่มากกำลังพลจะพอสางคดีใหญ่ๆนี้หรือไม่

หรือจะเป็นกระสือตัวใหม่!

ก็คิดกันไปต่างๆนานาแต่ในฐานะรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแสดงความรับผิดชอบให้เต็มที่

เพราะสำเร็จก็เป็นผลงาน ถ้าล้มเหลวผิดพลาดก็ซวยไป

ในที่นี้อยากพูดถึงกลุ่มหนึ่งที่ออกมารุมล้อมคือบรรดา “ทนายความ” ที่พอเห็นหน้าเห็นตาก็พอจะรู้ว่าใครเป็นใครมีปูมประวัติและความเป็นมาอย่างไร

บางคนก็ดีทำหน้าที่ด้วยความสุจริต

...

แต่อีกหลายคนค่อนไปทาง “สีเทา” ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก

ว่ากันว่าเรื่องนี้ทนายบางคนก็หวังที่จะฟอกตัวเองให้ขาวบ้างก็หวังโยนผิดให้คนอาชีพเดียวกัน บางคนเข้ามาเพื่อหวังส่วนแบ่งด้วย

แต่ดูเหมือนว่า “บอสพอล” เจ้าของกิจการตัวจริงเสียงจริงแม้จะมีความผิดและถูกต้องโทษแต่ก็เคลื่อนไหว

แบบ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” คือ ใครหาประโยชน์ก็ต้องโดนด้วยกัน

ทนายความคนหนึ่งซึ่ง “บอสพอล” สั่งให้ทนายความเอาเรื่องเพราะมีการติดต่อเพื่อขอเงินโดยมีพยานหลักฐานที่จะเอาผิดได้

ทนายความคนนี้ดังมาจากคดี “หวย” และที่ดังไปกว่านั้นก็เพราะสนิทสนมกับนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งที่มีคดี “เว็บพนัน” จนต้องถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ล่าสุดก็ถูกฟ้องร้องเรื่องไป “ยักยอก” เงินจากเศรษฐินีซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศ วงเงินค่อนข้างมาก

อ้างว่าได้มาเพราะ “เสน่หา”...

แต่เจ้าของเงินระบุว่าเป็นการยักยอกและใช้วิชาทนายโกง

อีกไม่นานเรื่องนี้ก็คงจะชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร ใครถูกใครผิด

เพราะตามรูปการณ์แล้วการให้เงินจำนวนมากอย่างนี้มีความเป็นไปได้ยากมากและคดีก็ไม่ได้ยุ่งยากถึงกับจะต้องจ่ายกันแพงๆอย่างนี้ อีกทั้งยังให้สิ่งตอบแทนไปไม่น้อยอยู่แล้ว

เรื่องนี้สังคมให้ความสนใจมากเพราะต้องการที่จะรู้ว่าทำผิดจริงหรือไม่เพราะถ้าผิดจริงก็จะได้สะใจและสมน้ำหน้า

คนที่หลอกลวงสังคมมาตลอด

ที่สำคัญเป็นการฉีกหน้ากากและทำให้คนอื่นไม่กล้ามีพฤติกรรมเยี่ยงนี้!

"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม