อีกเรื่องในหนังสือนักเล่านิทาน (สวนเงินมีมาพิมพ์ พ.ศ.2562) ที่อ่านแล้วจี้ใจ ถ้าไม่เอามาเล่าต่อตอนนี้ ก็คงลืมและหายไปในกองหนังสือ คือเรื่อง “เสือผาด”
นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว เริ่มต้นเรื่องเรียบง่าย แต่สะดุดใจ
“เสือผาด เป็นตาทวดของเรา”
ตอนนิพัทธ์ยังเล็กๆ ป้าจงจากกรุงเทพฯมานอนบ้านแม่
ที่เพชรบุรี ปีละหลายครั้ง ทุกครั้งหลานๆก็มักมะรุมมะตุ้ม ขอให้ป้าเล่าสารพัดเรื่อง
ป้ามีวิธีเล่าเรื่องสนุกมาก ทั้งใส่อารมณ์ เน้นเสียง เน้นคำ เสียงสูงๆต่ำๆทำทุกเรื่องให้เหลือเชื่อ
เสือผาดเป็นขุนโจรแถวบางเลน สองพี่น้อง แถบนครปฐม สุพรรณบุรี วิธีที่เสือผาดจะนับญาติจนเป็นตาทวดก็ง่าย เขามากรุงเทพฯกับเรือข้าวเปลือก ชอบใจ “ยายทวดนาก”
ได้พบหน้าไม่กี่ครั้ง ก็พาพวกมาฉุดทวดนากไปอยู่สุพรรณฯ
ป้าเล่าว่าเสือผาดเป็นคนดุเด็ดขาด เชี่ยวชาญเวทมนตร์อาคม เสกใบไม้เป็นต่อเป็นแตนได้ คงกระพันชาตรีฟันแทงไม่เข้า
เสือผาดรักยายทวดนากมาก ยอมมีเมียคนเดียว ยอมทุกอย่าง ไม่ยอมอย่างเดียวคือ “ห้ามหนี”
ถ้าหนีเมื่อไหร่จับได้ฆ่าทิ้ง
แต่ทวดนากก็เกลียดเสือผาดมาก เกลียดชนิดเข้ากระดูกดำ ขนาดมีลูกด้วยกันสองคน ก็ยังไม่เคยใจอ่อนจ้องจะหนีอยู่
ตลอดเวลา เสือผาดต้องกำชับลูกน้องให้เฝ้าย่านากไว้อย่างเข้มงวด
เมื่อลูกชายคนเล็กอายุได้สักสองสามขวบ เสือผาดแก้เผ็ดย่าทวด เอาลูกชายที่ยังไม่หย่านมดี มัดไว้กับอกเสื้อ ใส่เสื้อยันต์ทับ พาลูกชายขี่ม้าออกไปปล้น
วิธีเอาลูกชายคนเล็กเป็นตัวประกันไม่ได้ผล ทวดนากใจแข็งมาก พาลูกสาวคนโตชื่อทองอยู่ อายุราว 7-8 ขวบ (ซึ่งเป็นคุณยายนิพัทธ์พร) หนีลงเรือเล็กเจ๊กขายข้าวสาร พายเลาะมาตามแม่น้ำท่าจีน
...
เสือผาดขี่ม้าพาลูกน้องตาม บางครั้งมาใกล้ ได้ยินเสียงเสือผาดร้องเรียกลูกเมีย เสียงโหยหวนทั่วท้องน้ำ ทวดนาก ต้องคว่ำเรือซุกพงอ้อพงแขมริมน้ำ ตกค่ำก็พายเรือหนีต่อ
ทวดนากหนีรอดถึงบ้านพี่น้องในกรุงเทพฯ แต่เสือผาดก็ตามติดต้องย้ายบ้านหนีจากละแวกคลองบางกอกน้อย ข้ามฟากมาอยู่ฝั่งกรุงเทพฯ แถวโรงเรียนสอนคนตาบอด
ต่อมาทวดนากแต่งงานใหม่กับคนจีน เปิดร้านขายกาแฟอยู่หลายปี จนยายทองอยู่เป็นสาวอายุราว 16-17 มีชายแก่แขนขวาขาดมานั่งกินกาแฟ
ยายตกใจจำได้นั่นคือเสือผาด พ่อของยายเอง
เสือผาดบอกน้องชายชื่อสุดใจ โตเป็นหนุ่มทำไร่ไถนาอยู่สุพรรณฯ ดีใจที่ได้เห็นหน้ายายคือลูกสาว ขอดูหน้าทวดนากเมียรักอีกสักครั้ง
ทวดนากอยู่ชั้นบน ตะโกนลงมาด่าเสือผาดเป็นตัวเสนียดจัญไร สั่งยายให้เอาน้ำล้างร้าน
“สิบปียี่สิบปีแล้ว ทวดนากยังไม่หายโกรธเลย” ป้าจงว่า
เรื่องเสือผาดฉบับนิพัทธ์พรยังไม่จบแค่นี้...คนเล่าเองฟังป้าเล่าแล้วก็ออกจะรู้สึกพิลึกๆในใจ บรรพชนของดิฉันทั้งฝ่ายแม่ฝ่ายพ่อ ต่างก็เป็นขุนโจรด้วยกัน
ฝ่ายแม่เป็นขุนโจรสุพรรณฯ ฝ่ายพ่อเป็นขุนโจรพัทลุง
แต่นั่น...เป็นเรื่องปกติของคนร้อยกว่าปีก่อน ที่หากไม่ยอมถูกกดหัวเป็นไพร่เป็นทาส ทางเดียวที่จะเป็นไท ถ้าไม่บวชพระ ก็ต้องหนีอำนาจบ้านเมืองไปเป็นโจร.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม