“ดีเอสไอ” ระบุปมยึดนาฬิกาหรูเก๊ “ดิ ไอคอน” ซื้อไว้จัดฉากหลอกลงทุน ชี้ไม่ใช่คดีแรกที่ยึดทรัพย์แล้วเจอของก๊อป ด้านทนาย “บอสพอล” เข้าเรือนจำหลังถูกเรียกพบด่วนก่อนไป บช.ก.นำคลิปเสียงนักร้องรีด 10 ล.ให้ตำรวจ ขณะที่ “บิ๊กเต่า” เผยสัปดาห์หน้ารู้เรื่องเอาผิดนักร้องเรียนสาว ก. ลุ้นจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับ สุดรันทดป้าวัย 62 เหยื่อดิ ไอคอนกรุ๊ป หอบถุงยาอัลไซเมอร์ร้องสายไหมต้องรอดช่วยตามเงินคืนเพื่อเอาไปรักษาตัวหลังถูกลวงลงทุนหมดตัว 4 แสน “วิทวัจน์ ตี 10” ร่อนหนังสือแจงคลิป “บอสพอล” ออกรายการเป็นภาพเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ก่อนดิ ไอคอนฯ จะจดทะเบียนเป็นบริษัทถึง 3 ปี

ภายหลังตำรวจจับกุม 18 บอส บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป นำโดยบอสพอล หรือนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัท และ 3 บอสดาราคือนายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และหลอกลวงหรือทุจริตโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อนทั้งหมดถูกนำตัวเข้าเรือนจำ กรณีมีผู้เสียหายแห่ร้องเรียนถูกหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายเป็นสมาชิกโดยไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือนำดารานักแสดงชื่อดังมาโปรโมตธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ความเสียหายพุ่ง 2 พันกว่าล้านบาท ขณะที่ตำรวจและดีเอสไอยังลุยตรวจค้นยึดทรัพย์เพื่อนำส่ง ปปง.ประเมินคืนเงินผู้เสียหาย รวมทั้งหาหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาลอต 2 ล่าสุดดีเอสไอแถลงรับเป็นคดีพิเศษเฉพาะคดีอาญาฟอกเงิน ส่วนตำรวจยังทำคดีฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ด้านทนาย “บอสพอล” รับ 4 ออเดอร์จัดหนักคืนนักร้องเรียนสาว ก. ทนาย รีดทรัพย์ พยานเท็จสายไหมและแม่ข่ายตีเนียนเป็นเหยื่อเทียม “เจ๊พัชร์” หอบเอกสารแจง บก.ปปป.ปมเรียกรับเงินสองทาง ยันเป็นแผนงานยืดอกขอรับผิดคนเดียว ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

...

เชื่อ “ดิ ไอคอนฯ” ใช้ของเก๊จัดฉาก

ความคืบหน้าเรื่องนี้โดยเฉพาะในส่วนที่สังคมคลางแคลงใจกรณียึดนาฬิกาหรูจำนวน 19 เรือน ที่บอสพอลนำไปซ่อนไว้ในห้องเช่าแห่งหนึ่งในซอยรามอินทรา 9 แต่พบว่าเป็นของปลอม เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ต.ค. ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ฟอกเงินทางอาญา กล่าวถึงกรณีสังคมตั้งข้อสงสัยว่าระดับผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป มีทรัพย์สินเป็นจำนวนมากจะใช้วิธีซุกซ่อนโยกย้ายทรัพย์สินปลอมว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มผู้ต้องหาซื้อทรัพย์สินเหล่านี้ไว้เตรียมการจัดฉาก เช่น นำทรัพย์สินมาโชว์อ้างว่าการทำธุรกิจนี้ทำให้ร่ำรวย ขณะที่บางคนอาจมองไม่ออกเพราะถ้าเป็นสินค้าแท้ถูกลิขสิทธิ์จะต้องมีมูลค่าสูงมาก

ชี้ไม่ใช่คดีแรกที่พบของปลอม

ร.ต.อ.วิษณุกล่าวต่อว่า ขอเน้นย้ำว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีแรกที่สะสมของปลอมเพราะหากย้อนไปในคดีแชร์ Forex-3D มีทรัพย์สินหลายรายการที่เป็นของปลอม ดีเอสไอไม่ใช่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องตรวจสอบทรัพย์สินว่าของแท้หรือของปลอม ต้องนำรายการทรัพย์สินทุกประเภทที่ยึดและอายัดมานั้น ส่งให้สำนักงาน ปปง.เข้าสู่กระบวนการการดำเนินการกับทรัพย์สินแทน เพื่อ ปปง.จะได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาประเมินราคา

พฤติการณ์ชัดซุกซ่อนทรัพย์สิน

รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการชี้เบาะแสเรื่องทรัพย์สินของพลเมืองดีที่ช่วยแจ้งสถานที่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบมีการบ่งบอกพฤติการณ์ชัดเจนว่ามีการกระทำซุกซ่อน มีผู้เกี่ยวข้องกับผู้บริหารของบริษัท ดิ ไอคอนฯ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ไม่มีทางรู้ว่าเป็นทรัพย์สินอะไร แต่เชื่อได้แน่นอนว่าเป็นทรัพย์สินที่มาจากการกระทำความผิดในคดี จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปดำเนินการก่อนจะมีการโยกย้ายทรัพย์สินไปที่อื่น

ขอพลเมืองดีชี้เบาะแสต่อ

ร.ต.อ.วิษณุกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ดีเอสไอจะปฏิบัติการยึดและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม ขอให้กำลังใจผู้ที่เเจ้งเบาะแสที่ซุกซ่อนทรัพย์สินของบริษัท ดิ ไอคอนฯ ขอให้มั่นใจว่าการแจ้งเบาะแส การชี้เป้าของท่านไม่ได้ทำให้พนักงานสอบสวนหลงทาง ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง หวังว่าจะได้รับความร่วมมือเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่ท่านสงสัย หรือเชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว ดีเอสไอจะรีบเข้าไปตรวจสอบ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทุกการเข้าไปตรวจสอบดีเอสไอต้องใช้อำนาจของศาล ดังนั้น ดีเอสไอจึงต้องเข้าไปบันทึกปากคำและสาเหตุที่ต้องเข้าไปตรวจค้น ดีเอสไอไม่ได้เข้าไปโดยทันที ต้องมีข้อเท็จจริงเสนอต่อศาลพอสมควรด้วย ทั้งนี้ รายการทรัพย์สินต่อจากนี้หากดีเอสไอจะเข้าไปยึดและอายัดจะไม่ซ้ำซ้อนกับรายการทรัพย์สินที่ตำรวจจะดำเนินการ

แนะกดเพิ่มเพื่อนในไลน์

รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวต่อว่า สำหรับเครื่องมือตรวจสอบธุรกิจแชร์ลูกโซ่สำหรับประชาชน เป็น Official Line Account : @checkdidsi ที่ได้รับการวิจัยและพัฒนาโดยดีเอสไอ @checkdidsi จะเป็นไลน์ออฟฟิเชียลที่ถูกพัฒนามาป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ เพราะพฤติการณ์แชร์ลูกโซ่ในสังคมไทยมีพัฒนาการต่อเนื่อง เปลี่ยนแปลงรูปแบบตลอดเวลา ขอแจ้งให้พี่น้องประชาชนกดเพิ่มเพื่อนกันเยอะๆ เพราะตั้งแต่เปิดให้บริการ ได้เก็บข้อมูลมาตลอดพบว่ามี “ผู้เกือบเสียหาย” หลายราย ขอบคุณดีเอสไอ เนื่องจากพอประชาชนกรอกข้อมูลและพฤติการณ์รูปแบบแผนธุรกิจ ระบบมีการประมวลผลทำให้ประชาชนทราบว่าธุรกิจที่กำลังจะลงทุนมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นแชร์ลูกโซ่ ไม่ตัดสินใจลงทุน ไม่กลายเป็นผู้เสียหาย หากสงสัยว่าแผนธุรกิจนั้นๆคล้ายมีพฤติกรรมหลอกลวง หรือมีลักษณะจะเป็นแชร์ลูกโซ่ ลักษณะฉ้อโกงประชาชน ตรวจสอบได้ที่ Line @checkdidsi เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ปัจจุบันนี้ระบบ checkdidsi มีประชาชนใช้บริการมากกว่า 4,000 ราย

...

“รองเต่า” เรียกประชุมทีมงาน

ด้านการทำงานของตำรวจสอบสวนกลาง ในเรื่องที่เกี่ยวกับการรีดไถตบทรัพย์บอสพอล เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 16 กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียก พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ ศิวาภัย ผบก.ปอท. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. และคณะทำงานสืบสวนสอบสวน ใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมง

จ่อเช็กบิลนักร้องรีดดิ ไอคอน

หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ต.จรูญเกียรติเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องคลิปเสียงบุคคลรับผลประโยชน์กับผู้ต้องหาในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป คณะทำงานได้ตรวจสอบคลิปเสียงซึ่งมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และพยานบุคคล ขณะนี้เหลือสอบปากคำพยานอีกไม่กี่ปากน่าจะเพียงพอที่จะสรุปสำนวนเพื่อดำเนินคดีกับนักร้องเรียนบางคนได้ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนจะเป็นหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหา หรือหมายจับต้องพิจารณากันอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ในส่วนคลิปเสียงรีดทรัพย์จะเป็นในส่วนของ บก.ป. ส่วนคดีพยานเท็จจะเป็นของ บก.ปอท.

เรียกสอบสีกากีอดีตสามีนักร้อง

รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า วันที่ 26 ต.ค. ช่วงบ่ายจะเรียกตำรวจอดีตสังกัด บก.ปคบ. อดีตสามีนักร้องเรียนหญิงรายนี้ มาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนกรณีนายตำรวจยศพันตำรวจเอก หรือบอสตำรวจ ที่ขึ้นไปพูดบนเวที ดิ ไอคอน กรุ๊ป ตั้งแต่ปี 61 จเรตำรวจเป็นผู้ตรวจสอบ เนื่องจากมีความสนิทส่วนตัว ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้พูดคุยกับนายตำรวจคนดังกล่าว

รับมีประสานแจ้งเอาผิดสายไหม

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อด้วยว่า สำหรับเรื่องเส้นเงินของบอสดาราทั้ง 3 รายที่มีการเปิดเผยในสื่อนั้นไม่ทราบเป็นในส่วนของ บก.ปคบ.ที่ดำเนินการ ส่วนกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ไปที่เรือนจำพร้อมตำรวจนั้น คาดว่านายอัจฉริยะประสานมาว่าได้รับการติดต่อจากญาติของนายจิระวัฒน์ หรือโค้ชแล็ป แสงภักดี หนึ่งในผู้ต้องหา ว่าต้องการที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปด้วยก็ไม่ได้รับข้อมูลอะไร ส่วนกรณีสอบเอาผิดนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด รวมถึงพยานที่เข้ามาให้ข้อมูลเท็จนั้น เบื้องต้นยังไม่มีการเข้าแจ้งความ แต่มีการประสานว่าจะเข้าดำเนินการหลังจากคดีรีดทรัพย์เสร็จสิ้นแล้ว

...

“ทนายพอล” นำคลิปไถ 10 ล. ให้ตำรวจ

วันเดียวกัน นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล เดินทางนำหลักฐานคลิปเสียงให้เพิ่มเติม เพื่อเป็นหลักฐานเอาผิดกับนักร้องเรียนหญิง ก. ที่เรียกรับผลประโยชน์จากบอสพอล มูลค่า 10 ล้านบาทเพิ่มเติม เป็นคลิปเสียงความยาวประมาณ 5 ชั่วโมง

งง “อัจฉริยะ” คุย “บอสแล็ป”

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยฝากเอกสารให้เจ้าหน้าที่เรือนจำนำไปให้บอสแล็ปเซ็น ทราบว่าเป็นเอกสารมอบอำนาจให้นายอัจฉริยะเป็นตัวแทนต่อสู้คดีเท่านั้น นายวิฑูรย์กล่าวว่า ตามหลักขั้นตอนกฎหมายแล้วสามารถทำได้หรือไม่ ไม่ทราบว่าสามารถทำแบบนั้นได้หรือไม่ แต่ในส่วนตนที่เป็นทนายความนั้นจะสามารถเข้าไปในเรือนจำได้ต่อเมื่อลูกความร้องขอ ไม่รู้ว่านายอัจฉริยะมีอำนาจอย่างไรสามารถเข้าไปได้ อีกทั้งยังนำเอกสารมอบอำนาจไปให้ผู้ต้องหาเซ็น มองว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะยังไม่เคยมีการพูดคุยกันถึงเรื่องแต่งตั้งนายอัจฉริยะเป็นทนายสู้คดีมาก่อนอีกด้วย

เผย “บอสพอล” เรียกพบที่เรือนจำ

ก่อนหน้านี้ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 12.30 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความ นายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล ผู้ต้องหาในคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด เข้าพบลูกความพร้อมนำเอกสารมาให้เซ็นลงชื่อมอบอำนาจทางกฎหมาย นายวิฑูรย์กล่าวก่อนเข้าเรือนจำว่า วันนี้ทนายนายกลด หรือบอสปีเตอร์ เศรษฐนันท์ ประสานมาว่า บอสพอลอยากพบตนด่วน รีบเดินทางมาแต่ยังไม่ทราบว่าเรื่องอะไร คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องสถานการณ์สำคัญในช่วงนี้หรือการต่อสู้ทางคดี และให้ดำเนินการ 4 ออเดอร์ คือการแจ้งความร้องทุกข์นักร้องสาว ก. ฐานกรรโชกทรัพย์ ได้แจ้งความไปแล้วแต่อาจส่งคลิปเพิ่มเติมแก่ตำรวจ การแจ้งความนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และพยานเท็จ ที่อ้างเรื่องโอนเงินคริปโตเคอร์เรนซี ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และเอกสารการมอบอำนาจการแจ้งความจากบอสพอล

...

ซัดสายไหมเล่นไม่แฟร์

ทนายบอสพอลกล่าวต่อว่า ในส่วนของนายเอกภพจะแจ้งข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะพบมีข้อมูลนำไปลงเพจเฟซบุ๊ก ส่วนพยานเท็จแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท ส่วนคดีให้การเท็จทราบข้อมูลจาก บก.ปปป.วันที่นายเอกภพนำข้อมูลและพยานมาอ้างเป็นคนใกล้ชิดบอสพอลมีการจ่ายเงินสินบนให้เทวดา เป็นการให้สัมภาษณ์หน้ากองปราบฯ แต่ไม่มีการเข้าไปพบหรือให้ข้อมูลกับตำรวจสอบสวนกลาง มองว่าประเด็นนี้ทำไมต้องกุเรื่องขึ้นมา สร้างประเด็นพาดพิงถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและทำให้คดีฉ้อโกงประชาชนกลายเป็นองค์กรอาชญากรรม มีการจ่ายสินบนให้หน่วยงานรัฐ มองว่าแบบนี้มันไม่แฟร์กับดิ ไอคอน

โวมีข้อมูลมากกว่า “ทนายตั้ม”

นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ส่วนออเดอร์ 3 ประเด็นเกี่ยวกับนายษิทรา หรือทนายตั้ม เบี้ยบังเกิด ที่ออกมาโพสต์ว่าไม่มีเบอร์โทรศัพท์บอสพอล และบอสพอลเป็นคนโทรหาทนายตั้มเองเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ประเด็นนี้ยืนยันว่ามีหลักฐานรายละเอียดมากกว่าที่ทนายตั้มโพสต์ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทนายตั้มที่ออกมาบอกว่าเงิน 7-7.5 ล้าน เป็นเงินคืนให้กับผู้เสียหายจริงและคืนเงินตามความเสียหายครบถ้วน เพราะถ้าจริงก็ต้องแฟร์กับทนายตั้มด้วย เชื่อว่าตำรวจตรวจสอบในทางลับแล้ว แต่จะมีส่วนต่างเข้าทนายตั้มหรือไม่ต้องตรวจสอบ

ไม่หลงกลคำท้าเปิดคลิปเสียง

ทนายบอสพอลกล่าวอีกว่า หากสิ่งที่ทนายตั้มพูดเป็นเรื่องจริงกังวลจะถูกฟ้องกลับหรือไม่นั้น เพียงแค่ว่ามีคลิปเสียงแต่ก็ต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงหลักฐานอย่างอื่นด้วย ตนไม่ได้กล่าวหาข่มขู่อะไรขนาดนั้น แต่ต้องดูว่าการเรียกเงินนั้นเพื่อใคร ผู้เสียหายหรือตนเอง ที่ผ่านมาไม่ได้เอ่ยชื่อทนายตั้มเลย แต่แกเป็นคนโพสต์ออกมาเอง ส่วนที่ทนายตั้มออกมาโพสต์ท้าให้ตนเอาคลิปเสียงมาเปิดนั้นขอนำไปให้ตำรวจดีกว่า เพราะมองว่าคงเป็นเทคนิคของแต่ละคนที่จะแก้เกม ส่วนออเดอร์ที่ 4 เกี่ยวกับแม่ทีมแต่มาตีเนียนเป็นผู้เสียหาย เพียงประเด็นการต่อสู้คดีเท่านั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มภายในเดือน ต.ค.นี้

ไม่ขอยื่นประกันตัวช่วงนี้

นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ส่วนการเข้าพบบอสพอลด่วนในวันนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจที่เข้าสอบปากคำบอสพอลในเรือนจำเมื่อช่วงเช้า คาดเป็นเรื่องอื่นเพราะจะต้องแจ้งมาทางตน ผู้ต้องหามีสิทธิ์ไม่ให้การได้เพราะทนายไม่อยู่ด้วย ทั้งนี้ การประกันตัวที่ครอบครัวของบอสพอลเร่งให้ประกันตัว ตนไม่มีข้อมูล แต่ต้องกลับไปคุยกับบอสพอลว่าแนวทางประกันตัวจะยังเหมือนเดิมหรือไม่ ขอยืนยันยังไม่มายื่นและก็อาจไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในเวลานี้

สั่งแจ้งจับ 2 พันแม่ข่ายแจ้งเท็จ

ทนายความบอสพอลกล่าวต่ออีกว่า ได้รับออเดอร์เพิ่มเติมอีก 1 ออเดอร์ คือให้แจ้งความดำเนินคดีกลุ่มแม่ข่ายที่ตีเนียนเป็นผู้เสียหายทั้งที่เป็นผู้เสียประโยชน์ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เหมือนที่กลุ่มบอสพอลเจอ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2,000 คน เนื่องจากมีขบวนการแจ้งความเท็จ แจ้งความแบบแพตเทิร์น พยายามบอกว่าดิ ไอคอนฯไปหลอกลวงให้ตัวแทนสั่งซื้อสินค้ากับทางดีลเลอร์จนขายไม่ได้ แล้วแม่ข่ายสัญญาว่าจะช่วย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะบริษัทเป็นบริษัทขายส่งสินค้า ขายให้ตัวแทนแล้วตัวแทนต้องขายต่อ หากขายไม่ได้ก็รับความเสี่ยงกันไป แต่ปรากฏว่ามีการเข้าไปแจ้งความบิดประเด็นให้เข้าข่ายฉ้อโกง ด้วยการเกณฑ์ผู้เสียหายจำนวนมากเข้าไปแจ้งความดำเนินคดี ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การโยนความผิดให้กับแม่ข่าย แต่เป็นข้อเท็จจริง

ฝากบอกสื่อ “จะไม่ปล่อยมือใคร”

นายวิฑูรย์ยังบอกว่า บอสพอลได้ฝากตนมาบอกกับนักข่าวว่า “พอลจะไม่ปล่อยมือใคร” บอกว่า “เราไม่ได้กระทำความผิดแต่มาถูกดำเนินคดี ส่วนคนที่เป็นคนทำตัวจริงไปหลอกลวงให้เขาซื้อสินค้า แล้วบอกว่าเดี๋ยวช่วยขายไม่ต้องขายนะ ให้ไปหาคนเพิ่ม คนกลุ่มนี้มีเยอะ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ปล่อยมือใคร เราโดนดำเนินคดี พวกคุณก็ต้องเป็นผู้ต้องหาเหมือนกันกับเรา ตอนนี้ต้องแฟร์กันแล้วอยู่ข้างในอบอุ่น เชื่อผม”

พ้นฝากผลัดแรกค่อยยื่นประกัน

นอกจากนี้ บอสพอลยังฝากทนายมาสื่อสารด้วยว่า หากได้ประกันตัวออกมาจะไปออกทุกรายการ และพูดเองในทุกๆเรื่อง เนื่องจากตอนที่อยู่ข้างนอก ก็อยากจะชี้แจง แต่กระแสสังคมค่อนข้างแรง ก็เลยต้องตามนั้น แต่เมื่อเจอปัญหาอย่างตอนนี้ เลยอยากจะชี้แจงว่า ดิ ไอคอนฯ คือธุรกิจอะไร และกำลังทำอะไรอยู่ ส่วนเรื่องการประกันตัว ขอดูสถานการณ์ก่อน อาจจะให้พ้น 1 ฝากก่อน ส่วนบอสดารายังไม่ได้คุย แต่ก็มีแนวโน้มที่จะประกันตัวเหมือนกัน ตอนนี้บอสทั้ง 14 คน ไม่รวมบอสดารา พร้อมเผชิญหน้าในทุกรายการ พร้อมเผชิญหน้าเพื่อชน แต่จะได้ประกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

ตะลึงรายได้กันต์สุดอู้ฟู่

มีรายงานว่า รายได้ของ “3 บอสดารา” นายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร เริ่มต้นเซ็นสัญญากับ ดิ ไอคอน กรุ๊ป ตั้งแต่ปี 2021 มีการโอนเงินรายได้ ตั้งแต่เดือน พ.ย.2021-ก.ย.2024 จำนวน 33 ครั้ง มูลค่ารวม 79,482,686.80 บาท บอสมิน-น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี เริ่มต้นเซ็นสัญญากับดิ ไอคอน กรุ๊ป ตั้งแต่ปี 2023 มีการโอนรายได้ตั้งแต่เดือน เม.ย.2023-ก.ค.2024 จำนวน 9 ครั้ง มูลค่ารวม 11,390,847.44 บาท ส่วนบอสแซม-นายยุรนันท์ ภมรมนตรี เริ่มต้นเซ็นสัญญากับดิ ไอคอน กรุ๊ป ตั้งแต่ปี 2023 มีการโอนรายได้ตั้งแต่เดือน พ.ย.2023-ม.ค.2024 จำนวน 3 ครั้ง มูลค่ารวม 3,194,614.80 บาท

เร่งดำเนินการตามสั่ง 4 ออเดอร์

ส่วนเรื่องที่กรมสอบสวนพิเศษ รับคดีฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ นายวิฑูรย์มองว่าเป็นเรื่องปกติของคดีฉ้อโกงจะมีข้อหาฟอกเงินตามมาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าหน่วยงานไหนจะรับทำ อีกทั้งกรณีทนายบอสมิน โพสต์ว่า “คิวต่อไป ทนายคนดัง ทนายหิวแสง สื่อบางช่องปั่นกระแสแกล้งให้ต้องรับโทษอาญา คุกรออยู่” ประเด็นนี้ยังไม่รู้เรื่องหลังจากนี้จะต้องโทรศัพท์ไปถามถึงสาเหตุว่าทำไมถึงโพสต์แบบนั้นหรือเล็งเห็นอะไรบางอย่าง ส่วนกรณีที่บอสพอล จะดำเนินคดีกับนักการเมือง ส. หรือไม่กรณีคลิปเสียง ตอนนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งหรือพูดถึงการดำเนินคดีกับบุคคลท่านนี้ ตอนนี้ขอดำเนินการ 4 ออเดอร์นี้ก่อน

ป้าร้องสายไหมสูญ 4 แสน

ด้านความเคลื่อนไหวของเหยื่อที่ถูกหลอกร่วมลงทุน เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด คุณป้าอายุ 62 ปี อดีตพนักงานเอกชนหอบถุงยารักษาอาการอัลไซเมอร์ร้องเรียน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูก แม่ข่ายคนหนึ่งชักชวนให้ร่วมลงทุนซื้อสินค้า ดิ ไอคอน กรุ๊ป สูญเสียเงินเก็บกว่า 400,000 บาท จนเงินหมดบัญชี หลังจากที่ผู้บริหาร ดิ ไอคอน กรุ๊ป 18 คน ถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชน ถูกจับกุมดำเนินคดี ได้ไปแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเรียบร้อยแล้ว

อยากได้เงินคืนรักษาตัว

นายเอกภพเปิดเผยว่า กรณีคุณป้า เป็นเงินที่ได้จากการทำงานสะสมมาทั้งชีวิต มีอยู่ในบัญชี 4 แสนบาท ถูกนำไปลงทุนซื้อสินค้าของ ดิ ไอคอน กรุ๊ป จนหมดแต่สินค้ายังขายไม่ออก โดยแม่ข่ายได้ชักชวนให้คุณป้าลงแอปพลิเคชันโฆษณาถึง 4 ครั้ง แต่ละครั้งต้องจ่ายกว่า 3,000 บาท และยังเข้าประชุมอีกหลายครั้ง แต่ละครั้งจะต้องจ่ายเงินไม่ต่ำกว่า 1,500 บาท สมาชิกแม่ข่ายเดียวกันต่างสงสารคุณป้ามาก พยายามห้ามปรามไม่ให้แม่ข่ายคนนี้ชักชวนคุณป้ามาร่วมกิจกรรมอีกแต่กลับถูกด่า ล่าสุด ได้หลอกล่อคุณป้าให้ไปถอนเงินจากบัญชี 62,000 บาท เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ก่อนผู้บริหาร ดิ ไอคอน กรุ๊ป ถูกจับกุมเพียง 1 สัปดาห์ ไม่รู้ว่านำไปซื้อสินค้าหรือไม่ วันนี้คุณป้าหอบถุงยารัก ษาโรคอัลไซเมอร์มาร้องเรียนเพื่อขอให้ช่วยเหลือ อยากให้ประสานให้แม่ข่าย และผู้มีอำนาจหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับดิ ไอคอน กรุ๊ป ช่วยซื้อสินค้านำเงิน 400,000 บาท กลับคืนมา หากรอรับเงินเยียวยาตามกระบวนการยุติธรรมอาจไม่ทันการ เพราะโรคดังกล่าวนับวันมีแต่ถดถอยลง อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณป้า

สนธิญาร้องศาลปิดเพจดัง

วันเดียวกันที่ศาลแพ่ง นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษา กรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และอดีตผู้สมัคร สส.พรรคพลังประชารัฐ ยื่นคำร้องขอให้ศาลแพ่งสั่งปิดเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ศาลแพ่งรับไว้ตรวจคำร้อง ทั้งนี้ นายสนธิญาเผยหลังยื่นคำร้องว่า ก่อนหน้านี้เพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์พาดพิงว่า มีคลิปเสียงที่ตนพูดคุยกับบอสพอล มีการเรียกรับเงิน ยืนยันว่าไม่รู้จักบอสพอล หรือแม้กระทั่งบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด และไม่เคยได้รับผลประโยชน์ หากเห็นว่าบริษัทดิ ไอคอนฯ กระทำผิด ก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่กองปราบปราม ตนได้สาบานแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อหน้าท้าวเวสสุวรรณ พระไพรีพินาศ พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ จ.นครศรีธรรมราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วว่า ถ้าหากตนโกหก ขอให้ตนและครอบครัวมีอันเป็นไป หลังจากได้สาบานก็ทำให้สบายใจขึ้น

อ้างถูกโพสต์ใส่ร้าย

นายสนธิญากล่าวอีกว่า ตนได้รับผลกระทบเพราะถูกใส่ร้ายด้วยความเท็จ ต้องการจะฟ้องเจ้าของเพจอีซ้อขยี้ข่าวแต่หาไม่เจอ เพราะไม่มีตัวตน ไม่ระบุ สถานที่ว่าตั้งอยู่ตรงไหน ไม่รู้ใครเป็นเจ้าของเพจ มองว่าการกระทำของเพจดังกล่าวบางครั้งโพสต์ข่าวมีประโยชน์ แต่บางครั้งก็โพสต์ข่าวที่คลาดเคลื่อนไม่ตรงความจริง ถ้าภายหลังทางเพจอีซ้อขยี้ข่าวโทรศัพท์ติดต่อมาขอโทษ ตนไม่ยินยอม จะยินยอมถอนฟ้องให้ก็ต่อเมื่อโพสต์ขอโทษผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น

บางข่าวไม่มีมูลความจริง

นอกจากนี้ นายสนธิญายังกล่าวอีกว่า เพจอีซ้อขยี้ข่าว โพสต์หลายเรื่องซึ่งไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะการที่กล่าวหาว่า ไร่เชิญตะวันของพระเมธีวชิโรดม หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ (พระอารามหลวง) ว่าไปบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดอยปุย จ.เชียงราย เรื่องนี้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเผยกับสื่อมวลชน แล้วว่า ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามที่เพจอีซ้อขยี้ข่าวกล่าวอ้าง ด้วยเหตุนี้มายื่นคำร้องขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ลบเพจอีซ้อขยี้ข่าว รวมทั้งขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวด้วย ไม่ให้เพจอีซ้อขยี้ข่าวโพสต์ข่าวอีกต่อไป เพราะเพจอีซ้อขยี้ข่าวทำให้ตนเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ศาลจะต้องให้ความยุติธรรมกับผู้ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งนีี้รายงานว่า ศาลตรวจคำร้องของนายสนธิญาแล้ว นัดสืบพยานวันที่ 20 ม.ค.68

“ไร่เชิญตะวัน” ไม่บุกรุกป่า

วันเดียวกัน นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะโฆษกกรมป่าไม้ แถลงผลตรวจสอบกรณีกรมป่าไม้อนุญาตให้มูลนิธิวิมุตตยาลัย และศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย อ.เมืองเชียงราย ว่า กรมป่าไม้ได้อนุญาตการใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ ดอยปุย 3 แปลง ในช่วงปี 66 มูลนิธิวิมุตตยาลัย ขอใช้พื้นที่ 1 แปลง เนื้อที่ 113 ไร่ 1 งาน 82 ตารางวา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 2 แปลง เนื้อที่ 14 ไร่ 3 งาน 97 ตารางวา กับ 11 ไร่ 3 งาน 1 ตารางวา รวม 140 ไร่ 0 งาน 80 ตารางวา เมื่อตรวจสอบร่วมกับทุกภาคส่วน รวมทั้งเจ้าของที่ถือครองตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) บริเวณโดยรอบ ไม่พบการบุกรุกพื้นที่เพิ่มจากการขออนุญาต เพราะหากมีบุกรุกเพิ่มเติมจริง ผู้ถือครองที่ดิน คทช.จะต้องร้องเรียนแล้ว

ทั้งนี้ “ได้อนุญาตศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวันใช้พื้นที่ 30 ปี ต้องปฏิบัติตาม 29 เงื่อนไขที่ระบุไว้ นอกจากนี้ทางวัดต้องปลูกป่าทดแทนตามจำนวนไร่ที่ขอใช้พื้นที่หรืออาจจ่ายค่าบำรุงป่าไม้ไร่ละ 12,090 บาท วัดอยู่ระหว่างการปลูกป่าทดแทน” รองอธิบดีกรมป่าไม้กล่าว

“ตีสิบ” แจง “บอสพอล” ออกทีวี

ส่วนกรณีมีข่าวบริษัทดิ ไอคอน เกี่ยวโยงมาถึงรายการตีสิบ ล่าสุดรายการตีสิบโดยวิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ได้ร่อนจดหมายชี้แจงว่า บอสพอล หรือวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ได้มาออกรายการตีสิบเมื่อวันที่ 5 ก.ย.58 (เมื่อ 9 ปีก่อน) มาเล่าประวัติและความกตัญญูต่อคุณแม่ รวมถึงความขยันหมั่นเพียรทำมาหากิน ในฐานะลูกทีมบริษัทขายตรงบริษัทหนึ่งจนกระทั่งร่ำรวย ส่วนบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ได้เกิดขึ้นหลังจากนั้น จดทะเบียนในวันที่ 1 มิ.ย.61 เป็นเวลา 3 ปีหลังจากออกรายการ ขอเรียนว่ารายการตีสิบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบริษัทดิ ไอคอนกรุ๊ป ส่วนกรณีที่พอลเรียกตัวเองว่า พอลตีสิบ หรือนำโลโก้รายการไปใช้เพื่อประโยชน์ในการทำธุรกิจของบริษัท รายการตีสิบไม่เคยอนุญาตและได้ตักเตือนไปแล้วหลายครั้ง แต่พบว่ายังนำไปใช้อยู่ รายการรู้สึกผิดหวังและขอวิงวอนให้ผู้เกี่ยวข้องลบภาพรายการในอดีตออกจากสื่อทุกแพลตฟอร์ม

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่