ดีเอสไอแถลงรับคดีมูลฐานการฟอกเงิน “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” เป็นคดีพิเศษแล้ว “ผู้ช่วยอ้อ” เปรยตำรวจพร้อมส่งสำนวนและข้อมูลทั้งหมดให้ถ้ามีหนังสือส่งมาถึง หรือจะรับสำนวนคดีทั้งหมดที่ตำรวจทำอยู่ไปด้วยก็ยินดี ขณะที่ “ไผ่ ลิกค์” ซัดดีเอสไอจัดฉาก 100% เหตุค้นห้องยึดนาฬิกาเก๊ ชี้ “บอสพอล” แผนการเยอะ ด้านทนายวิฑูรย์รับ 4 ออเดอร์จาก “บอสพอล” จัดหนักคืน นักร้อง ก. ทนายรีดทรัพย์ พยานเท็จสายไหมและแม่ข่ายตีเนียนเป็นเหยื่อเทียม “มุก-มาริษา” รุดเยี่ยม “บอสแซม” หลังเรือนจำให้เข้าเยี่ยมได้วันแรก “เจ๊พัชร์” หอบเอกสารแจง บก.ปปป.ปมเรียกรับเงินสองทาง ยันเป็นแผนงานยืดอกขอรับผิดคนเดียว

กรณีตำรวจสอบสวนกลางจับกุม 18 บอส บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป นำโดยบอสพอลหรือนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัทและ 3 บอสดารา คือนายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และหลอกลวงหรือทุจริตโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อนนำตัวเข้าเรือนจำ หลังมีผู้เสียหายแห่ร้องเรียนถูกหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายเป็นสมาชิกโดยไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาโปรโมตธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ถึงขณะนี้มีผู้เข้าแจ้งความเกือบ 8 พันราย ยอดเสียหาย 2.2 พัน ล.บาท ขณะที่ตำรวจและดีเอสไอยังแข่งกันลุยตรวจค้นยึดทรัพย์สินที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและหาหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาลอต 2

ล่าสุด ดีเอสไอบุกค้นห้องเช่าในซอยรามอินทรา 9 หลังมีเบาะแสเป็นห้องซุกสมบัติ “บอสพอล” ยึดนาฬิกาหรู สร้อยคอทองคำ คาดมูลค่า 40 ล้านบาท แต่ถูกสังคมโซเชียลตั้งข้อสังเกต นาฬิกาทั้งหมดเป็นของก๊อปขณะที่ทนายบอสพอล โวยตำรวจทำเกินกว่าเหตุ นำตัวพนักงานดิ ไอคอน มาสอบปากคำโดยไม่มีหมายเรียกซ้ำใช้คำพูดให้ตกใจกลัวจ่อแจ้ง 157 กับจเรตำรวจ ไม่เท่านั้นคดีได้แตกหน่อไปอีกหลายเคส อาทิ การแฉคลิปเสียงรีดไถบอสพอล โดยตำรวจได้เชิญตัว น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ที่ถูกพาดพิงหลังปรากฏคลิปเสียงเรียกรับเงินจากบอสพอล มาสอบถามข้อมูล แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เช่นเดียวกับนักการเมือง ส.อยู่ระหว่างการประสานเชิญมาให้ข้อมูล ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้า

...

ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 ต.ค. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ. วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และนายอัษฎาวุธ ศรีปิตา ผู้ช่วยโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมแถลงข่าวการรับคดีฟอกเงิน กรณี ดิ ไอคอน กรุ๊ป เป็นคดีพิเศษ (เลขที่ 115/2567)

เฉพาะคดีอาญาฐานฟอกเงิน

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า ดีเอสไอ ดำเนินการเฉพาะคดีอาญาฐานฟอกเงิน เป็นการสืบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด มาเก็บซุกซ่อน โอน ยักย้ายหรือเปลี่ยนสภาพ เพื่อให้ผู้กระทําผิดหรือ ผู้อื่นสามารถจะนำเงินดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ได้ ในลักษณะของเงินที่ถูกกฎหมาย ตามความผิดมูลฐานพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ส่วนคดีอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการจึงเป็นกรณีต่างกรรมต่างวาระ ทรัพย์สินที่ตรวจยึดที่ได้จากการกระทำความผิดต้องแจ้ง ปปง.ตามขั้นตอนกฎหมาย

แจงรายการอายัดทรัพย์สิน

รรท.อธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า ขณะนี้ดีเอสไอ อายัดที่ดินในกรุงเทพฯ 13 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 3 ไร่เศษ ราคาประเมินมูลค่า 60 ล้านบาท ประกอบด้วย ที่ดินและอาคารซึ่งเป็นที่ตั้ง บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด 8 แปลง เนื้อที่รวม 240 ตารางวาในเขตบางเขน และที่ดินที่เป็นชื่อนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล 5 แปลง เนื้อที่ 282.20 ตารางวา เขตบางเขน บึงกุ่ม บางกะปิ ลาดพร้าว ที่ดินใน จ.ปทุมธานี 3 แปลง รวมเนื้อที่กว่า 63 ไร่เศษ ราคาซื้อขายประมาณ 300 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินที่ได้จากการตรวจค้นเป้าหมายห้องเช่าบริเวณถนนรามอินทรา ซอย 9 พบทรัพย์สินซึ่งจากข้อมูลการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้บริหาร ดิ ไอคอนกรุ๊ป จำกัด บางคนนำมาเก็บซุกซ่อนไว้เพื่อไม่ให้ตรวจสอบพบก่อนที่ศาลอาญาจะอนุมัติหมายจับ เช่น นาฬิกามีเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดัง สร้อยที่มีลักษณะเป็นสีทอง พระเครื่องเลี่ยมสีทอง กระเป๋ามีเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดังและพยานหลักฐานอีกจำนวนหนึ่ง

ถ้าเข้าแชร์ลูกโซ่-รับเป็นคดีพิเศษ

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า ส่วนทรัพย์สินที่ตำรวจ บช.ก.ตรวจยึดมานั้นไม่ต้องนำมารวมกับดีเอสไอ เพราะยังเป็นคดีฐานฉ้อโกงประชาชน แต่ถ้าพิจารณาเข้าข่าย พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 หรือคดีแชร์ลูกโซ่ต้องรับเป็นคดีพิเศษตามกฎหมาย แต่ขณะนี้ยังไม่ปรากฏว่าเข้าข่ายเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ อีกทั้งผู้ต้องหา 18 บอสที่อยู่ในเรือนจำ มีพฤติการณ์ความผิดฐานฟอกเงินด้วย และอาจมีผู้ต้องหาแถวที่ 2 ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียดต่อไป แต่คาดว่าน่าจะมีรายการทรัพย์สินหมุนเวียนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 100-1,000 ล้านบาท

รอเช็กนาฬิกาหรูแท้หรือเก๊

ด้าน ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับการเข้าตรวจค้นห้องเช่าย่านรามอินทรา มีผู้หวังดีแจ้งเบาะแสมา จึงขอหมายค้นเข้าตรวจสอบ สอบพยานแม่บ้านอาคาร จดจำได้แม้กระทั่งว่ามีนายวรัตน์พล หรือบอสพอล ขับรถหรูทะเบียน 8895 เข้ามาติดต่อ และนายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ หรือ บอสอ๊อฟ เข้ามาทำสัญญาและขนของย้ายมาในวันที่ 1 ต.ค. จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย ส่วนการตรวจยึดอายัดนาฬิกาหรือทรัพย์สินอื่นจะแท้หรือปลอมนั้น เป็นทรัพย์ที่ยึดมาตรวจสอบว่ามาจากการกระทำผิดหรือไม่ อยู่ระหว่างให้ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการ และถ้าเป็นของปลอมต้องหาสาเหตุว่ามีไว้ครอบครองเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมองเป็นผู้ประสบความสำเร็จ หรือนำไปแจกให้กับสมาชิกหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้ อาจมีการยักยอกถ่ายเทไปแล้วหรือไม่อยู่ระหว่างตรวจสอบเช่นกัน

เร่งยึดทรัพย์ขายทอดตลาด

นายวิทยา นีติธรรม โฆษก ปปง.กล่าวว่า สำนักงาน ปปง.บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดีเอสไอ เร่งรัดติดตามทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด สุดท้ายทรัพย์สินจะมารวมอยู่ที่สำนักงาน ปปง. เพื่อให้ตกเป็นของแผ่นดินและมีอำนาจนำทรัพย์มาเฉลี่ยชดใช้คืนผู้เสียหาย ทั้งนี้ ทรัพย์สินจะให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินราคาตามความเสื่อมสภาพเพื่อพิจารณาเร่งรัดขายทอดตลาดทันที ส่วนทรัพย์ที่เป็นของปลอมต้องคืนกลับหน่วยงาน

...

“ผู้ช่วยอ้อ” เผยพร้อมส่งสำนวนให้

ต่อมาเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวคณะทำงานคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป เปิดเผยกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป เรื่องฟอกเงินเป็นคดีพิเศษว่า ตำรวจยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ หลังจากนี้ ถ้ามีหนังสือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษส่งมาถึงตำรวจพร้อมจะส่งสำนวนและข้อมูลทั้งหมดให้ทันที ถือเป็นเรื่องดีและพร้อมจะร่วมมือกันทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ทั้งนี้คดีที่ตำรวจยังทำอยู่ คือข้อหาฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังจากนี้อยากให้ตำรวจช่วยด้านไหนประสานมาได้ตลอด ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่หรือจะรับสำนวนคดีทั้งหมดที่ตำรวจทำอยู่ขณะนี้ไปด้วยก็ยินดี

ดีเอสไอต้องไปแจ้งฟอกเงิน 18 บอส

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคดีดิ ไอคอน กรุ๊ปที่ตำรวจสอบสวนอยู่นั้นได้แจ้งข้อหาคดีฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดไปแล้ว แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อหาฟอกเงิน หลังจากนี้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะรับคดีฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ จะต้องไปสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาและแจ้งข้อหาเอง ในส่วนของตำรวจหลังจากนี้ถ้าสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนแล้ว ตำรวจจะทำหนังสือแจ้งไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ต้องรอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการมาก่อนว่า จะให้ส่งคดีทั้งหมดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับไปด้วยหรือไม่

“บอสพอล” สั่งงานทนาย 4 เรื่อง

ต่อมาเวลา 16.30 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เข้าแจ้งความกับตำรวจ บก.ปปป. เอาผิดกับนักร้องเรียนสาว ก. กรณีบอสพอลถูกรีดทรัพย์ 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป โดยทนายวิฑูรย์เผยว่า วันนี้ได้ส่งทีมทนายนำเอกสารไปให้บอสพอลลงนามมอบอำนาจให้มาดำเนินคดีโดยตนรับคำสั่งมา 4 ออเดอร์

...

เรื่องแรกแจ้งจับนักร้องรีด 10 ล.

นายวิฑูรย์กล่าวว่า 1.ให้แจ้งความเอาผิดกับนักร้องเรียนสาว ก. ข้อหากรรโชกทรัพย์ ส่วนรีดทรัพย์จะเข้าหรือไม่จะต้องคุยรายละเอียดกับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เนื่องจากเคยถูกเรียกเงิน 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการร้องเรียนบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป เรื่องที่ 2 อยู่ระหว่างตรวจสอบและพิจารณาที่จะดำเนินคดีกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และพยานเท็จที่อ้างเป็นคนสนิทบอสพอล นำข้อมูลว่าบอสพอลเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโต โดยตำรวจยืนยันแล้วว่าข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลนี้เชื่อถือไม่ได้ทีมทนายรวบรวมพยานหลักฐาน และเตรียมเอกสารเพื่อจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป แต่ยังไม่กำหนดวันเวลาที่แน่ชัด สาเหตุที่ต้องดำเนินคดีเพราะทำให้บริษัทเสื่อมเสีย หน่วยงานที่ถูกพาดพิงเสียหายไปด้วย โดยบอสพอลยืนยันไม่รู้จักบุคคลดังกล่าว

เอาคืนทนายตบทรัพย์ขู่เรียก 7 ล.

ทนายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ 3 บอสพอลสั่งให้รวบรวมข้อมูลดำเนินคดีกับทนายความชื่อดังคนหนึ่งเป็นหนึ่งในทนายดรีมทีม เพราะก่อนหน้าที่เหล่าบอสจะถูกจับกุม ทนายคนดังกล่าวโทรศัพท์หาบอสพอลเจรจาต่อรองให้จ่าย 7 ล้านบาท แลกกับการไม่นำผู้เสียหายกลุ่มนี้ไปแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งบอสพอลยังไม่ได้จ่ายจำนวนดังกล่าวไป จะต้องไปตรวจสอบดูว่าจำนวนเงินดังกล่าวตรงกับความเสียหายของผู้เสียหายกลุ่มนี้หรือไม่ ทั้งนี้ เลขาบอสพอลได้บันทึกเสียงขณะเจรจากันไว้ หากได้คลิปเสียงดังกล่าวแล้วจะดูความเหมาะสมแล้วจะนำมาเปิดเผยอีกครั้ง

ทนายวิฑูรย์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่ 4 จะรวบรวมรายชื่อแม่ข่ายที่มีพฤติกรรมไปเชิญชวนผู้เสียหายเป็นตัวแทนจำหน่าย จากนั้นแม่ข่ายขัดผลประโยชน์กับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป แต่มาทำเนียนอ้างว่าเป็นผู้เสียหายโดยจะนำเอกสารรายชื่อมาให้กับทางพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบต่อไป

...

มือถือได้คืนไม่เอาเรื่องตำรวจแล้ว

นายวิฑูรย์กล่าวต่อถึงกรณีที่ DSI ได้รับคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป เป็นคดีพิเศษในส่วนคดีฟอกเงินว่า มองว่าดี เพราะพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ทำงานหนักจนล้น DSI มาช่วยคดีนี้จะเป็นการแบ่งเบาไปได้เยอะ ส่วนกรณีโทรศัพท์มือถือพนักงานดิ ไอคอน ที่ถูกเชิญตัวมาให้ปากคำในฐานะพยาน และถูกยึดไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ล่าสุดได้รับคืนหมดแล้วเมื่อช่วงบ่ายสองที่ผ่านมา จึงจะไม่เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด เบื้องต้นขณะนี้ยืนยันยังไม่มีการยื่นประกันตัว 18 บอส ที่อยู่ในเรือนจำด้วย

ผบ.ต่ายสั่งสอบคลิปตำรวจ

วันเดียวกัน มีบันทึกข้อความจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ด่วนที่สุดส่วนราชการ ตร. เรื่องให้ดำเนินการข้าราชการจะมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับบริษัท ดี ไอคอน กรุ๊ปจำกัด ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.67 มีคลิปวิดีโอข้าราชการตำรวจมีพฤติกรรมพูดชักชวนให้กลุ่มบุคคลเข้าร่วมธุรกิจกับบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ปจำกัด เป็นการพูดพาดพิงถึง ตร.ในที่สาธารณะในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายและบั่นทอนจิตใจข้าราชการตำรวจในองค์กร ให้ดำเนินการดังนี้ 1.ให้บก.ปคบ.ตรวจสอบบุคคลดังกล่าวและเรียกตัวมาสอบสวนปากคำในทางคดีหากพบว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทําความผิดหรือร่วมกระทําผิดกับผู้ต้องหาในบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป และให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด 2.ให้ จต.ตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวว่ามีมูลกรณีการกระทําความผิดทางวินัยหรือไม่อย่างไร โดยรายงานผลให้ทราบภายในวันที่ 27 ต.ค.67 นี้ด้วย

เจ้าตัวโร่พบกองปราบฯ

มีรายงานว่า พ.ต.อ.สมคิด สาวิสัย รอง ผบก.ภ.จ.สระบุรี เข้าให้ปากคำกับทีมสืบสวนกองปราบฯ หลังมีคลิปแต่งเครื่องแบบเต็มยศ ขึ้นเวทีพูดจาชักชวนให้เข้าร่วมทำธุรกิจกับบริษัท ดิ ไอคอนฯ ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีจึงเชิญตัวมาให้ปากคำเพื่อสอบถึงข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว

“เจ๊พัชร์” หอบหลักฐานแจง

ต่อมาเวลา 15.20 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง เข้าให้ปากคำพร้อมนำเอกสารมอบให้ตำรวจ บก.ปปป.กรณีมีคลิปเสียงเรียกรับเงินจากผู้เสียหายและนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล พร้อมเผยว่า นำเอกสารหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงใน 3 ประเด็น ประกอบด้วยเงิน 10 ล้านบาทที่ถูกกล่าวหาว่าตบทรัพย์บอสพอล มีการเคลียร์กันไปแล้วว่าเป็นเงินที่คืนผู้เสียหายที่จ่ายกันโดยตรง ส่วนเงิน 20% ที่ถูกกล่าวหาว่ารับเงินสองทาง โดยคดีผู้เสียหาย 89 คน เป็นคดีที่เกิดขึ้นนานแล้วเคลียร์ไปแล้ว คดีดังกล่าวมีการโอนเงินเข้ากองทุน 20 คน มีคนโอนค่าดำเนินการมา 20% เพียง 5 คน ส่วน 64 คน โอนมา 3-5% และมี 1 ใน 64 คนที่ขอเงินคืนจากกองทุน ซึ่งกองทุนก็โอนคืนไปให้ ธุรกิจดังกล่าวมีเส้นบางๆคั่นระหว่างธุรกิจขายตรง มันนี่เกม และแชร์ลูกโซ่ ตนรู้จักระบบธุรกิจขายตรงดี เพราะทำงานด้านนี้และเคยเป็นผู้ประสบภัยก่อนจะลุกขึ้นมาต่อสู้และเข้าใจระบบเป็นอย่างดี

“ไม่แปลกใจเหรอ ที่ทัวร์ถึงมาลงที่ฉัน ทำไมสิ่งที่ฉันทำทุกคนได้ประโยชน์ แต่ทำไมถึงต้องมาลงที่ฉันไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่ากว่า 100 คลิปฉันคนเดียวที่พูดเรื่องเงิน ถามฉันสักคำหรือไม่ว่าพูดเรื่องเงินอะไรแบบไหน มึงต้องการอะไร ตลอดชีวิตหลังจากนี้จะไม่อัดเสียงใคร เพราะกูไม่ได้ทำผิดอะไร มึงทำอะไรความจริงเท่านั้นที่จะทำร้ายตัวมึงเอง” น.ส.กฤษอนงค์กล่าว

หวั่นครอบครัวไม่ปลอดภัย

น.ส.กฤษอนงค์กล่าวต่อว่า ที่ออกมาชี้แจงในวันนี้เพื่อลูกกับครอบครัว เนื่องจากมีบุคคลปริศนา ขับรถวนเวียนอยู่บริเวณหน้าบ้านตน ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยต่อลูกและครอบครัว ทั้งนี้ ความผิดทั้งหมดให้มาลงที่ตน อย่าไปลงที่ครอบครัว ตอนแรกจะไม่แถลง จะเอาเอกสารมาให้เฉยๆ ถ้าไม่ไปยุ่งกับลูกกู มึงยังรักลูกมึงเลย มึงกลัวคนอื่นอุ้มลูกมึง มึงไม่คิดว่ากูรักลูกกูบ้างเหรอ ต่อจากนี้จะไม่แถลงอีก จะไม่ออกรายการอะไรอีกด้วย

เงิน 6 แสนบาท ไม่ได้ไถบอสพอล

สำหรับประเด็นเงิน 600,000 บาท ที่ถูกกล่าวอ้างว่าไปรีดบอสพอลมา น.ส.กฤษอนงค์ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่เป็นค่าดำเนินการเอกสารและแผนงานธุรกิจ ได้มอบแผนงานดังกล่าวให้บอสปันไปแล้ว วันนี้ได้เตรียมเอกสารชี้แจงกับตำรวจ ขอท้าทนายความบอสพอลเปิดคลิปหลักฐานที่กล่าวอ้างดังกล่าว ส่วนกรณีที่เรียกรับเงินเพื่อไปออกรายการนั้นยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน เป็นเรื่องของแผนที่ปรึกษาระยะสั้น กลาง ยาว มีรายละเอียดทั้งหมดของการพูดคุยกันผ่านแชตกับบอสปันซึ่งเป็นผู้ถือโครงการทั้งหมด เอกสารต้นฉบับได้มอบให้ตำรวจแล้ว ถ้าหากตำรวจไปตรวจสอบจะพบว่าข้อมูลตรงกันโดยที่ตนไม่ชี้แจง

ลั่นอโหสิให้ทุกอย่าง

น.ส.กฤษอนงค์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตอนฝั่งบอสพอลมีปัญหา ได้โทรศัพท์หาตนเพื่อให้ช่วย เคยแนะนำ 18 ข้อในการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก แต่สุดท้ายกลับเอาคลิปดังกล่าวมาใช้เล่นงานตน ยืนยันทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ในวันนี้เข้ามาชี้แจงข้อมูลในส่วนตัวเอง ไม่ได้นำข้อมูลบริษัทดิไอคอนมาเปิดเผย เพื่อต่อรองใดๆ จะอโหสิให้ทุกอย่าง ทำอะไรไว้กับตนจะขอจบไว้แค่นี้ ครูบาอาจารย์สอนไว้ตัดกรรม ต่อดี เรามีหน้าที่เดิน ส่วนพ่อบอกว่า อยู่กับไฟถ้ามึงเป็นทองมึงก็อยู่ได้ แต่ถ้าวันนี้อยู่ไม่ได้ก็แค่กลับไปทำหน้าที่แม่ของลูกและลูกของพ่อ อยู่ในพื้นที่ตัวเองไม่ต้องไปช่วยใคร

เรือนจำเปิดให้เยี่ยมวันแรก

ส่วนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เป็นวันแรกที่เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง 18 บอส โดยญาติทุกคนจะต้องลงทะเบียนเยี่ยมบริเวณจุดคัดกรองที่หน้าเรือนจำเพื่อตรวจสอบและลงทะเบียนขอเยี่ยมผู้ต้องขัง และตรวจเอกสารต่างๆ และต้องเป็นบุคคลที่อยู่ใน 10 รายชื่อตามที่ผู้ต้องขังแจ้งไว้ เมื่อตรวจเอกสารเสร็จสิ้น จะได้รับใบคิวที่จะระบุรอบเวลาการตีเยี่ยมโดยการเยี่ยมญาติกำหนดเวลาเพียง 20 นาทีต่อคน

มุก-มาริษา เยี่ยมบอสแซม

ช่วงบ่าย มีรายงานว่า มุก-มาริษา ภมรมนตรี ภรรยาแซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี 1 ในผู้ต้องหาได้เข้าเยี่ยมสามี โดยเดินหลบเลี่ยงกลุ่มสื่อมวลชนที่ปักหลักทำข่าวก่อนแอบออกทางประตูด้านหลัง กลุ่มนักข่าวไม่ละความพยายามตามไปพบขณะยืนพูดคุยกับเพื่อนและทีมทนาย ผู้สื่อข่าวสอบถามในหลายประเด็นทั้งเรื่องการพูดคุยกับสามี แนวทางการต่อสู้คดี และการปรับตัวในเรือนจำ แต่เจ้าตัวไม่ตอบคำถามใดๆ รีบวิ่งขึ้นรถออกไปทันที นอกจากนี้ทีมข่าวยังพบกับทีมทนายความญาติผู้ต้องขังคดี ดิ ไอคอน อีกหลายคน สีหน้าทุกคนเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด

18 บอสเครียดน้อยลง

ด้านนางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รรท.ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า อาการล่าสุดของบรรดาบอสชายและบอสหญิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจ การปรับตัว การรับประทานอาหารทุกคนเริ่มปรับตัวได้ มีความเครียดน้อยลง จนปัจจุบันยังไม่มีใครเจ็บป่วย ส่วนวันนี้คือวันเยี่ยมญาติเป็นวันแรกสำหรับบรรดาบอสชายหลังครบกำหนดระยะเวลากักโรคโควิด-19 จากนี้ทั้งหมดจะถูกย้ายไปยังแดนควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ห้องละ 2-3 คน แต่ไม่ขอเปิดเผยเลขแดนเพื่อความปลอดภัย ขณะที่บรรดาบอสหญิงที่ครบกักโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.ถูกย้ายเข้าแดนควบคุมระหว่างพิจารณาคดีเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ข้อมูลการตีเยี่ยมญาติของบรรดาบอสชายและบอสหญิง ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะผู้ต้องขังไม่อนุญาตให้เปิดเผยสู่สาธารณะ

“ไร่เชิญตะวัน” ไม่รุกป่า

วันเดียวกัน นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงการตรวจสอบศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันของพระเมธีวชิโรดม หรือ ว.วิชิรเมธี ว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดอยปุย ต.ห้วยสัก จ.เชียงราย เกินกว่าที่ขอใช้ประโยชน์ 143 ไร่ หรือไม่ ว่า จากการตรวจสอบจากทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล ผู้แทนวัด ผู้แทนมูลนิธิ กรมป่าไม้ ตำรวจป่าไม้ และเจ้าของ คทช.ข้างเคียงมาลง พื้นที่ร่วมตรวจสอบด้วยกันทั้งหมด สรุปว่าไร่เชิญตะวัน ไม่มีการบุกรุกเพิ่มเติม โดยใช้พื้นที่ตามที่ขออนุญาตไว้เท่านั้น ภายหลังการตรวจสอบกรมป่าไม้ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตามในวันที่ 25 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น. กรมป่าไม้จะจัดแถลงข่าวผลการตรวจสอบกรณีพื้นที่ที่กรมป่าไม้อนุญาตให้มูลนิธิวิมุตตยาลัยและศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวันเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย อ.เมือง จ.เชียงราย

“ไผ่” ซัดดีเอสไอจัดฉาก 100%

ที่รัฐสภา นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึง กรณีดีเอสไอบุกค้นยึดนาฬิกาหรูของบอสพอลว่า การที่ดีเอสไอค้นเจอนาฬิกาหรูของบอสพอลในห้องเช่าเป็นการจัดฉาก 100% แต่ที่สงสัยมากคือทำไมเขาเลือกแจ้งดีเอสไอ เพราะต้องการให้ดีเอสไอเป็นคนทำคดีหรือไม่ คนที่เผยแพร่ภาพออกมาน่าจะเป็นดีเอสไอด้วย ได้ตรวจเช็กหรือไม่ว่านาฬิกาหรูเป็นของปลอม และจะมีปัญหาตอนประมูลของกลางอีกเพราะเคยมีประเด็นนี้เกิดขึ้นและมีปัญหา ได้คุยกับนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี พรรค พปชร.ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) คุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า วันที่ 31 ต.ค.เรียกดีเอสไอมาชี้แจงกรณีค้นห้องเช่าและได้ประสานทีมงานนายกฯเพราะภาคประชาชนไม่สบายใจ เหมือนแย่งกันทำคดีหรือไม่ ทั้งที่ตำรวจทำคดีละเอียดมีผู้เสียหาย 7,000 กว่าคนแล้ว หากดีเอสไอรับไปจะทำไหวหรือเกรงว่ารับไปทำแล้วจะช้ากว่าเดิม ไม่ต้องการให้เข้าทางผู้ต้องหา

ลั่นเป็นการบ้านต้องมาตอบ

เมื่อถามว่า จุดประสงค์ของบอสพอลต้องการให้ดีเอสไอทำคดีใช่หรือไม่ นายไผ่ตอบว่า ไม่รู้ แค่สงสัยทำไมเขาต้องจัดฉากแบบนี้ และต้องแจ้งไปทางนั้นเพื่อดึงคดีไปทางนั้นหรือไม่ ถ้าย้อนกลับไปคลิปที่ออกมา มีบางส่วนที่บอกว่ามีคนอยู่ในนั้น ต้องถามกลับว่าสรุปมีหรือไม่มี ต้องเกาะติดเรื่องนี้เพราะตนกลัวหลุด เมื่อถามย้ำว่า ดีเอสไอมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับบอสพอลด้วยใช่หรือไม่ นายไผ่ตอบว่า จะใช้ กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ขอให้การบ้านดีเอสไอไปเลยว่า ต้องมาตอบ

ชี้ “บอสพอล” แผนการเยอะ

เมื่อถามว่า หากจัดฉากแบบนี้สุดท้ายจะรอดหรือไม่ นายไผ่ตอบว่า คนสู้คดีถ้าเขาไม่คิดว่าเขาจะรอดเขาจะสู้ทำไม และจะพูดว่าเขาไม่รอด 100% เป็นไปไม่ได้ เมื่อถามถึงกรณีคลิปเสียงนักการเมือง ส. จะไปแจ้งความเอาผิดคนดักฟัง นายไผ่ตอบว่า รอดู เรื่องนี้แบ่งเป็น 2 แท่ง แท่งแรกเป็นเรื่องผู้เสียหาย และแท่ง 2 คือเรื่องการรับส่วย จะตามทั้งคู่เพราะเกี่ยวพันกัน ได้พูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าถึงไหนเอาให้ถึงนั้น แต่ถ้าไม่ถึงต้องบอก จะไปให้ความผิดเขาไม่ได้ต้องให้ความเป็นธรรม ไม่เช่นนั้นสถาบันการเมืองจะเสียหาย เมื่อถามว่าพรรค พปชร.จะนัดคุยเรื่องนักการเมือง ส.วันที่ 29 ต.ค.ช้าเกินไปหรือไม่ นายไผ่ตอบว่า ไม่ขอพูดถึง แต่บอสพอล แผนการเขาเยอะ ต้องถามว่า คนธรรมดาที่ไหนใส่เครื่องดักฟังอัด 7 ชั่วโมง วันนี้ที่สภาฯเขาบอกว่า ถ้าคุยคงต้องคุยในสระว่ายน้ำไปแช่น้ำคุยกัน

กมธ.สภาจี้ล้างเทวดาใน สคบ.

ที่รัฐสภา นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ตามที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี ดิ ไอคอน กรุ๊ป ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ ต้องทวงถามไปยัง น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กำกับดูแลสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ว่า ถ้าติดตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจหรือแม้กระทั่งศาล เรื่องเหล่านี้ไปเกี่ยวโยงกับบุคลากรใน สคบ. ที่อยู่ภายใต้สังกัดสำนักนายก รัฐมนตรีนั้น หากไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายไหนใน สคบ.ต้องมีการโยกย้าย รู้สึกกังวลมากว่าภายใน สคบ.เมื่อไม่มีการโยกย้าย ฝ่ายที่รับผิดชอบดูแลข้อมูลอาจทำลายหลักฐานหรือไม่ เคยเป็นข้าราชการมาก่อนรู้ว่า กระบวนการเหล่านี้จะมีการทำลายข้อมูลหลักฐาน ภายใน สคบ.ได้ และ กมธ.ยังพูดคุยกรณีมีการโอนคดีไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)แล้ว เกรงว่าจะมีการบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริง หรือให้การช่วยเหลือผู้กระทำผิดหรือไม่

“บอสพอล” เคยบรรยายให้ทหารฟัง

บ่ายวันเดียวกัน ที่ บก.ทบ. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีภาพนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เคยมาเป็นวิทยากรอบรมให้กำลังพลว่า ต้องเข้าใจโลกความเป็นจริงในตอนที่มาอบรมให้กำลังพลนั้น คดีนี้ยังไม่เกิดขึ้น ผู้ต้องหาคนดังกล่าวถือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม เป็นนักการตลาดที่มีความสามารถคนหนึ่ง กองทัพต้องการดูแลกำลังพลให้มีมุมมองและชีวิตที่ดีขึ้น ต้องการให้กำลังพลมีความสามารถในการค้าขายหรือบริหารทรัพย์สิน แก้ไขหนี้สินจึงเชิญมาบรรยายให้ความรู้ แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเครือข่ายดังกล่าว อย่านำมาผูกโยงกัน ต้องฝากไว้ให้เป็นวิจารณญาณของแต่ละบุคคลต่อกรณีนี้

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่