นายทหารเรือ บุกห้องทำร้ายร่างกายสาว มอบตัวตำรวจ รับสารภาพแค่ 2 ข้อหา พร้อมขอโทษผู้เสียหาย อ้างทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ต้นสังกัดตั้งสอบวินัย

กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กได้แชร์ภาพและระบุข้อความลงในกลุ่มสาธารณะ เป็นภาพหญิงสาวชาวอัมพวา อายุ 33 ปี ถูกทำร้าย หน้าตาปูด ตามร่างกายมีร่องรอยเขียวช้ำ พร้อมระบุข้อความว่า อยากจะรบกวนเพื่อนๆ และพลังในโซเชียลช่วยเป็นกระบอกเสียงเนื่องจากกลัวเรื่องจะเงียบเพราะคู่กรณีเป็นนายทหาร

จากการสอบถาม ทราบว่าหญิงคนดังกล่าวรู้จักกับชายคนหนึ่ง และได้คบหากันมาสักระยะ ต่อมาทราบว่าเขามีครอบครัวอยู่แล้ว จึงตัดสินใจขอเลิก แต่ฝ่ายชายไม่ยอมเลิก และมีการขู่ทำร้ายร่างกายมาตลอด แต่สุดท้ายก็เลิกกันไปเพราะฝ่ายชายเคยยืมเงิน เมื่อทวงแล้วทำให้เขาไม่พอใจ ผ่านไปประมาณ 2 เดือน ผู้ชายคนนี้เริ่มกลับมาพยายามติดต่อคนรอบข้าง พร้อมขอคืนดี แต่เราปฏิเสธมาตลอด

จนเมื่อคืนวันที่ 17 ต.ค. ช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษ เขาได้บุกมาหา ที่ห้อง เพื่อขอคืนดี แต่เราก็ปฏิเสธ เป็นเหตุให้ถูกฝ่ายชายทำร้ายร่างกายจนดั้งแตก กระบอกตาแตก เลือดไหลไม่หยุด และช้ำไปทั้งตัว พอสบโอกาสจึงวิ่งหนีออกมา แต่เขาวิ่งตามออกมาทัน และขู่เราว่า ถ้าไม่ยอมกลับขึ้นไปแต่โดยดี จะยิงทิ้ง ทำให้เรากลัว จนต้องตามเขากลับเข้าไปในห้อง ซึ่งพอกลับเข้าไปแล้ว ก็ถูกล่วงละเมิดทั้งๆ ที่เลือดออกเต็มหน้า หลังจากที่เขากลับไป เราก็โทรขอความช่วยเหลือจากเพื่อน 

หลังจากนั้น มีการไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม ซึ่งเมื่อโทรหาฝ่ายชาย มีการอ้างว่า ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ นายกูใหญ่ นายกูรักกู ทำให้เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

...

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (22 ต.ค. 67) นายทหารเรือยศเรือตรี อายุ 36 ปี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุเจตต์ นาคมณี รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกในเวลากลางคืน และข่มขืน ต่อมา พ.ต.อ.สัณฑภวิษย์ มากช่วย รอง ผบก.ภ.จว. สมุทรสงคราม และ พ.ต.อ.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้เข้าร่วมสอบปากคำติดตามคดีอย่างใกล้ชิด

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายทหารเรือยศเรือตรี ได้เดินออกจากห้องสอบสวนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และรีบเดินขึ้นรถทันที บอกเพียงสั้นๆว่า เบื้องต้นขอรับผิดในสิ่งที่ตนเองทำ แต่สิ่งที่ไม่ได้ทำก็ขอความเป็นธรรม ตนขอโทษผู้เสียหายด้วย ที่ได้ทำลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และยินดีชดใช้ในสิ่งที่ทำให้โทรศัพท์มือถือเสียหาย

พ.ต.อ.ศยาม เปิดเผยว่า เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพ 2 ข้อหา คือ ข้อหาทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ ที่เหลือให้การภาคเสธ ที่ผ่านมาตำรวจดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้รับแจ้งให้ผู้เสียหายไปรักษา ตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล และให้พักฟื้นก่อนจะมาให้ปากคำในวันที่ 21 ต.ค.67 ซึ่งแม้จะเป็นทหาร แต่คดีไม่ได้ซับซ้อน เพราะว่ามีความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะดำเนินการ อย่างเต็มที่ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

พ.ต.อ.ศยาม เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาของทหารเรือนายนี้ว่า จะให้นายทหารเรือ ชดใช้ค่าเช่าห้อง 13,000 บาท , ชดใช้โทรศัพท์มือถือที่ทำพัง และ ค่าทำศัลยกรรมในอนาคตด้วย อย่างไรก็ตามหลังจากสอบปากคำเรียบร้อย ผู้ต้องหาจะกลับไปที่หน่วยเพื่อรับทราบการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยของต้นสังกัดต่อไป

ขณะที่แหล่งข่าวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า วันเกิดเหตุลูกบ้านแจ้งว่า ได้ยินเสียงทะเลาะกัน จึงชวน รปภ. มาตรวจสอบ ก็พบว่าหญิงสาวผู้เสียหายแจ้งว่า ให้นำบุคคลท่านนี้ออกจากห้อง เขาก็เดินออก ซึ่งตนคิดว่าเป็นปัญหาส่วนตัว แต่ก็เห็นว่ามีร่องรอยบาดแผลฟกช้ำจำนวนมากทั้งใบหน้า ลำตัว ซึ่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาให้ความช่วยเหลือ กระทั่งมาเจอผู้เสียหายตอนเช้า ตอนที่ไปหาหมอที่ รพ. ซึ่งเขาไม่น่าทำแบบนี้เลย