ขายตรงในคราบ “แชร์ลูกโซ่” โมเดล ธุรกิจที่เล่นกับความหวังของคน เปิด 6 ข้อสังเกต รู้ไว้! ไม่ตกเป็นเหยื่อ หัวเรื่องนี้ กองบรรณาธิการออนไลน์ “Thairath Money” สะท้อนประเด็นไว้น่าสนใจ
พุ่งเป้า...ทุกยุคทุกสมัยก็มีคนตกเป็น “เหยื่อ” อยู่ร่ำไป โดยเฉพาะโมเดลธุรกิจสุดคลาสสิก ระดับตำนานอย่าง “แชร์ลูกโซ่” ที่อาศัยคำว่า “ธุรกิจขายตรง” บังหน้า ผ่านวิวาทะชวนเคลิ้ม....
“เชื่อไหม ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป” หรือ “ขยันผิดที่ 10 ปี ก็ไม่มีวันรวย”
อีกทั้งกรณีบริษัทล่าที่ถูกตรวจสอบเป็นข่าวดังต่อเนื่อง ได้จดทะเบียนจัดตั้งครั้งแรกเมื่อปี 2561 ในนามผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม เมื่อเจาะงบการเงินย้อนหลังตั้งแต่ปี 2561-2565 พบว่าสร้างกำไรต่อเนื่องและมีรายรับรายปีพีกสูงสุดในช่วงปี 2564 อยู่ที่ 4,950 ล้านบาท
สร้างกำไรสุทธิในปีเดียวกัน กว่า 813 ล้านบาท
โมเดลธุรกิจของบริษัทที่ว่าถูกสื่อสารผ่านเรื่องราวความสำเร็จของแบรนด์และชวนผู้ค้าเดินทางไปสู่เป้าหมายพร้อมกัน โดยระบุว่า นี่คือ 1 ในธุรกิจที่เข้ามาปฏิวัติวงการการขายของออนไลน์รูปแบบใหม่ของเมืองไทย... “ไม่ต้องสต๊อกสินค้า! ไม่ต้องแพ็กของ! ไม่ต้องออกไปส่งของเอง!”
เพราะเครือข่ายของบริษัทจะจัดการให้ทั้งหมด โดยทุกกระบวนการ สมาชิกใช้มือถือเพียงเครื่องเดียว นอกจากนี้บริษัทดาวรุ่งมาแรงยังมีศูนย์กลางเป็นโรงเรียนสอนธุรกิจออนไลน์ ที่ทุ่มทุนสร้างด้วยเงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นสถานที่บ่มเพาะ อบรมตัวแทนจำหน่าย ปั้นนักธุรกิจออนไลน์มืออาชีพ
...
...ที่บอกว่า ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย
ถึงตรงนี้ให้รู้ถึงเงื่อนปมสำคัญที่ว่า...ถ้าหากว่าเป็น “ธุรกิจแชร์ลูกโซ่”? หนึ่งในฉากชัดเจนก็คือการล่อด้วยโบนัสหรือของรางวัล...โบนัสพิเศษสำหรับคนที่สามารถชวนคนเข้าร่วมได้มากๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมเน้นการหา “คนเข้ามาใหม่” โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่เข้ามาหลัง
ดังนั้น...การป้องกันจากธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่ดีที่สุดคือ การพิจารณาอย่างรอบคอบ ตรวจสอบข้อมูล และหาความรู้เกี่ยวกับลักษณะของธุรกิจที่ถูกกฎหมาย หากมีลักษณะการชักชวนให้คนเข้าร่วมโดยไม่มีการขายสินค้าหรือบริการที่มีคุณค่า ควรสงสัยว่าธุรกิจนั้นอาจเป็นแชร์ลูกโซ่
วิธีสังเกตและป้องกันการตกเป็นเหยื่อ เบื้องต้นก็คือ...หากธุรกิจเน้นการชักชวนคนใหม่แทนที่จะเน้นขายสินค้าหรือบริการจริงๆ ควรระวัง...หากรายได้ที่เสนอให้ดูดีเกินจริง เช่น ทำงานน้อยแต่ได้ผลตอบแทนสูงมาก ควรตรวจสอบให้ละเอียด
ตรวจสอบความถูกต้องของธุรกิจว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่...ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือรีวิวจากผู้ที่เคยเข้าร่วม แน่นอนว่า...การระวังและใช้วิจารณญาณเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการตกเป็นเหยื่อของธุรกิจแชร์ลูกโซ่
ย้ำอีกว่า...การสังเกตธุรกิจ “แชร์ลูกโซ่หลอกลวง” เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง ซึ่งแชร์ลูกโซ่มักมีลักษณะหลายอย่างที่ทำให้ธุรกิจดูน่าสนใจและน่าเชื่อถือ
เพื่อช่วยในการระบุว่าธุรกิจใดอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ นี่คือจุดสังเกตหลักที่ควรระวัง
หนึ่ง...เน้นการชักชวนคนใหม่แทนการขายสินค้า ธุรกิจแชร์ลูกโซ่มักจะเน้นการชักชวนให้คนเข้าร่วมเพื่อหาค่าคอมมิชชันจากการหาคนใหม่มากกว่าการขายสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าจริง หากธุรกิจนั้นไม่ได้เน้นการขายสินค้า หรือสินค้าไม่มีความสำคัญในการสร้างรายได้ ก็ควรระวังว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่
สอง...การสัญญารายได้สูงเกินจริง ธุรกิจที่เสนอให้รายได้มหาศาลภายในระยะเวลาสั้นๆ โดยไม่ต้องทำงานหนักมากมักเป็นการหลอกลวง การสัญญาว่าจะได้รับเงินเป็นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว เป็นสัญญาณว่าธุรกิจนั้นอาจไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกต้อง
นำเสนอรายได้มหาศาลที่ไม่สมจริง...ทั้งๆที่ความจริง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับผลตอบแทน
สาม...ค่าสมัครหรือเงินลงทุนสูง แชร์ลูกโซ่หลายครั้งจะมีการเก็บค่าสมัครหรือเงินลงทุนในจำนวนที่สูงโดยอ้างว่าเป็นค่าเริ่มต้นธุรกิจ หากธุรกิจนั้นเน้นให้คุณจ่ายเงินลงทุนเริ่มต้นเพื่อเป็นสมาชิกและเข้าร่วมธุรกิจ ควรตรวจสอบให้รอบคอบว่ามีสินค้า...บริการที่สมเหตุสมผลหรือไม่
...
สี่...ไม่มีสินค้า หรือสินค้าด้อยคุณภาพ แชร์ลูกโซ่บางรายอาจไม่มีสินค้าจริงๆ หรือสินค้าที่ขายอาจมีคุณภาพต่ำ ไม่มีความจำเป็นหรือราคาแพงเกินจริง ซึ่งมักใช้สินค้าเป็นแค่ข้ออ้างในการอำพรางโครงสร้างการชักชวนคนใหม่ที่แท้จริง ถ้าธุรกิจนั้นขายสินค้าที่ดูไม่สมเหตุสมผลและไม่คุ้มค่ากับราคา ควรระวัง
ห้า...ระบบการจ่ายผลตอบแทนที่ซับซ้อน แชร์ลูกโซ่มักจะมีระบบการจ่ายผลตอบแทนที่ซับซ้อน โดยส่วนใหญ่จะมาจากการแนะนำคนใหม่เข้ามาในเครือข่ายแทนการขายสินค้าจริงๆ ระบบการจ่ายที่ยุ่งยากและเข้าใจยากนี้เป็นกลลวงเพื่อซ่อนเจตนาที่แท้จริง
หก...การบีบบังคับให้ชวนคนรู้จักเข้าร่วม ธุรกิจแชร์ลูกโซ่จะบังคับหรือกดดันให้ผู้เข้าร่วมต้องชวนคนใหม่ โดยเฉพาะคนในครอบครัวหรือเพื่อนเข้าร่วม เพื่อให้ได้ผลตอบแทน หากธุรกิจนั้นเน้นให้คุณชักชวนเพื่อนหรือครอบครัวเข้ามาเป็นสมาชิกโดยไม่คำนึงถึงการขายสินค้า นั่นเป็นสัญญาณของแชร์ลูกโซ่
เจ็ด...การโฆษณาเกินจริงและการใช้ผู้มีชื่อเสียง บางครั้งใช้การโฆษณาเกินจริง เช่น แสดงภาพชีวิตหรูหราของผู้ที่เข้าร่วมในระดับสูง หรือการใช้บุคคลที่ดูน่าเชื่อถือ...มีชื่อเสียงเป็นตัวแทน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ การอ้างถึงความสำเร็จโดยไม่ให้ข้อมูลจริงเกี่ยวกับการทำธุรกิจ...เป็นจุดสังเกตว่ามีโอกาสเป็นแชร์ลูกโซ่
“แชร์ลูกโซ่” ธุรกิจสีเทาในคราบ “ธุรกิจขายตรง” ยังคงเป็นหลุมดำในระบบธุรกิจเครือข่าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องฉับไว จับให้ได้ไล่ให้ทัน ไม่อย่างนั้นก็ต้องมานั่งล้อมคอกกันแบบเดิมๆ
คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม
...