ผบ.ตร.แถลงผลงานกองปราบฯ เปิดปฏิบัติการ “ขยี้ดวงใจทศกัณฐ์” ทลายขบวนการจัดหาบัญชีม้าตัดเส้นทางฟอกเงินธุรกิจสีเทา หลังศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 72 หมาย จับได้ 64 ราย หลบหนี 8 ราย รวมทั้งทนายความที่เป็นตัวการหลักรู้แกวหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว นอกจากนี้ยังยึดเงินสดทั้งไทยและดอลลาร์สหรัฐฯ รวม 31 ล้านบาท อายัดเงินในบัญชีธนาคารของนิติบุคคลที่เชื่อมโยงกันอีกหลายบริษัทกว่า 25 ล้านบาท
กองปราบฯเปิดปฏิบัติการ “ขยี้ดวงใจทศกัณฐ์” เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. ร่วมแถลงผลกองปราบฯเปิดปฏิบัติการ “ขยี้ดวงใจทศกัณฐ์” จับกุมขบวนการรับฟอกเงินธุรกิจสีเทา ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ผู้ร่วมขบวนการเว็บพนันออนไลน์ Crown 168 จำนวน 14 ราย ยึดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) 685 บัญชี บัตรกดเงินสดอีกหลาย 100 ใบ โทรศัพท์มือถือ ซิมการ์ดโทรศัพท์ รวมของกลางอื่นๆกว่า 1,000 รายการ กลุ่มที่ 2 ผู้ร่วมขบวนการจัดหาบัญชีม้า 20 ราย จับได้ 14 ราย ยึดแท็บเล็ตที่ใช้จัดหาบัญชีม้า โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสมุดบัญชีบางส่วน กลุ่มที่ 3 ผู้ร่วมขบวนการฟอกเงินธุรกิจสีเทา 38 ราย จับแล้ว 36 ราย ยึดธนบัตรไทยและธนบัตรดอลลาร์สหรัฐฯ รวมมูลค่ากว่า 31 ล้านบาท และของกลางอื่นๆหลายรายการ รวมทั้งอายัดเงินในบัญชีธนาคารของนิติบุคคลที่พบความเชื่อมโยงกันอีกหลายบริษัทกว่า 25 ล้านบาท รวมออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 72 หมาย จับได้แล้ว 64 ราย หลบหนี 8 ราย
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า ช่วงต้นปี 67 ตำรวจ กก.1 บก.ป.จับกุมเว็บไซต์พนันออนไลน์ Crown 168 จัดให้มีการเล่นพนันในลักษณะกาสิโนออนไลน์ ตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ตรวจยึด พบว่ามีบัญชีธนาคารนิติบุคคลหรือบริษัทรวมอยู่ด้วย เมื่อนำมาตรวจสอบข้อมูลกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือศูนย์ AOC (Anti Online Scam Operation Center) พบว่าถูกนำมาใช้เป็นบัญชีรับโอนเงินจากผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงลักษณะต่างๆหลายคดีเช่น หลอกให้กู้เงิน, หลอกให้โอนเงินเพื่อหารายได้เสริม, หลอกให้ติดตั้งโปรแกรมเพื่อควบคุมโทรศัพท์มือถือผู้เสียหาย, หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล เป็นต้น
...
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ต่อมาสืบสวนขยายผลตรวจสอบที่มาของบัญชีธนาคารและซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ตรวจยึดทราบว่าบัญชีธนาคารต่างๆได้มาจากกลุ่มบุคคลรวมตัวกันเป็นขบวนการมีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขั้นตอน มีการสั่งการผ่านกลุ่มไลน์ ให้ค่าตอบแทน กับผู้ที่เปิดบัญชีธนาคารเป็นรายเดือน เดือนละ 2,000 บาท ส่วนสมาชิกในขบวนการจะได้ “ค่าหัวคิว” หากคนใดหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารได้มาก จะได้ค่าตอบแทนมากขึ้นตามลำดับ เมื่อได้บัญชีธนาคารพร้อมใช้งานมาแล้ว จะนำบัญชีธนาคารที่ได้มาไปใช้เป็นบัญชีรับเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นบัญชีรับโอน-จ่ายให้เว็บพนัน และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือพบว่ามีกลุ่มไลน์เกี่ยวกับการจัดหาบุคคลมาเปิดบัญชี, การจ่ายเงินค่าตอบแทน, แก้ไขสแกนใบหน้า 19 กลุ่มไลน์ และยังพบข้อมูลสถานที่ส่งบัญชีม้าอีก 17 จุดทั่วประเทศ ต้องขอขอบคุณ บช.ก.ที่ทำงานด้วยดีมาตลอดตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ สำหรับ การเปิดปฏิบัติการมาทั้ง 3 ครั้ง ต้องมีครั้งที่ 4 และมีอีกต่อๆไป เพื่อให้ขบวนการเหล่านี้หมดไปให้ได้มากที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังสืบสวนขยายผลบัญชีธนาคารประเภทนิติบุคคลหรือบริษัทที่ตรวจยึดมาได้ พบเส้นทางการเงินต้องสงสัยเชื่อมโยงไปยังบัญชีธนาคารบริษัทจีเอ็นฯ ตั้งขึ้นมาเพื่อฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์, แก๊งค้ายาเสพติด และเว็บพนันออนไลน์ ตรวจสอบพบภายในระยะเวลา 1 เดือน มีเงินหมุนเวียนกว่า 800 ล้านบาท บริษัทคิดค่าตอบแทน 3% ต่อยอดเงินที่กลุ่มธุรกิจสีเทานำมาฟอก หากกลุ่มธุรกิจสีเทาต้องการ ฟอกเป็นเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีจะมีค่าตอบแทนเป็น % ตามค่าเงินเหรียญ USDT ของวันนั้นๆ
จากแนวทางสืบสวนพบว่าตัวหลักของบริษัทนี้คือ “บอสตั้ม” เป็นทนายความ ได้ออกหมายจับแล้ว ขณะนี้หนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งยังมีกลุ่มนิติบุคคลรับจ้างฟอกเงินให้กลุ่มธุรกิจสีเทาอีกหลายกลุ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป.จะสืบสวนขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดรายที่เหลือเพื่อตัดตอน และแก้ปัญหาบัญชีม้าที่กำลังระบาดสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างแพร่หลายต่อไป
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่