ผมต้องขออนุญาตท่านผู้อ่านที่จะเขียนกำกับไว้ในช่วงต้นคอลัมน์อีกครั้งหนึ่งว่า ต้นฉบับของผมวันนี้ เขียนในช่วงบ่ายๆของวันจันทร์ที่ 7 เดือนตุลาคม 2567

ในยุคที่สื่อกระดาษอย่างพวกผมกลายเป็นสื่อที่ช้าที่สุดดังเช่นทุกวันนี้ เวลาจะเขียนเรื่องสำคัญๆ ผมจะต้องบอกเวลาเขียนเอาไว้ ด้วยเสมอ เพราะกว่าต้นฉบับของผมจะได้ตีพิมพ์ไปสู่สายตาท่านผู้อ่านก็โน่นแหละครับ เช้าวันพุธที่ 9 เดือนตุลาคม อีก 2 วันเต็มๆ เหตุการณ์อาจจะแปรเปลี่ยนไปจากเดิมแล้วก็เป็นได้

เพราะฉะนั้น ขอย้ำกันเหนียวไว้เช่นเคยว่า ณ เวลาบ่ายๆของวันจันทร์ที่ 7 ต.ค. ภาวะน้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง

บริเวณ ณ ตลาดเมืองใหม่, ถนนเมืองสมุทร และรอบๆ ซึ่งเป็นแหล่งค้าส่งผักผลไม้และอาหารสด น้ำลดลงอย่างมาก, ย่าน ตลาดวโรรส หรือ กาดหลวง ก็ลดลงเช่นกัน, ถนนช้างม่อย,  ถนนท่าแพ, ถนนช้างคลาน, ไนท์บาซาร์, ถนนศรีดอนไชย และ บริเวณ จวนผู้ว่าฯ ก็ลดลงมากแล้ว

ขณะเดียวกันในช่วงเช้าๆของวันเดียวกันนั้นกรมอุตุนิยมวิทยาก็พยากรณ์ไว้ว่า ภาคเหนือ ทั้งภาคจะมีฝนแค่ร้อยละ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และไม่มีวลี “หนักบางแห่ง” ควบมาด้วย

จึงน่าจะสอดคล้องกับรายงานของสำนักข่าวออนไลน์หลายสำนักในช่วงบ่ายวันนี้ว่าที่เชียงใหม่ไม่มีฝนและน้ำเริ่มลดลงดังกล่าว

ถ้าเรายังเชื่อกรมอุตุฯต่อไปอีกก็ให้คลิกเข้าดูการทำนายรายเดือนย้อนหลัง ท่านเคยทำนายว่าเดือนตุลาคมจะเป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูฝนเข้าฤดูหนาว ช่วงครึ่งแรกของเดือนจะมีฝน 40-60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งในภาคเหนือ ซึ่งก็ถูกเป๊ะไปแล้วคือ เชียงราย และเชียงใหม่ อย่างที่เป็นข่าวคราว

ส่วนในครึ่งหลังของเดือนตุลาคมของภาคเหนือ กรมอุตุฯพยากรณ์ว่า จะเริ่มมีอากาศเย็น หลังจากนั้นจะมีฝนลดลง

...

วันนี้ยังเป็นแค่วันพุธที่ 9 ตุลาคม ยังไม่ถึงครึ่งเดือนตุลาคม เราอาจจะยังไว้วางใจไม่ได้ แต่จากรายงานประจำวันที่ว่าฝนเชียงใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ต.ค. เหลือแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ และปริมาณ น้ำท่วมก็เริ่มคลี่คลายลงแล้ว ผมก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีฝนมาอีก หรือถ้ามีก็จะบางเบาไม่มีผลกระทบใดๆเกิดขึ้น

เพี้ยง! ขอให้เป็นเช่นนั้นนะครับ

จากภาพถ่ายทางอากาศจาก “โดรน” ของหน่วยกู้ภัยหลายๆ หน่วยที่เผยแพร่ในช่วงนี้ จะมองเห็นนํ้าท่วมตัวเมืองเชียงใหม่ในวงกว้างมาก หรือท่วมทั้งเมืองว่าอย่างนั้นเถิด

ที่สำคัญยังเป็นสีน้ำตาล นํ้าตาลแบบสีโคลนยาวไกลสุดสายตา... ชวนให้กังวลว่าเมื่อแห้งแล้วจะเกิดปัญหา “โคลนค้างบ้าน” หรือ “โคลนค้างท่อ” ยากแก่การชำระล้างแบบที่เชียงรายหรือไม่?

ผมภาวนาขอให้อย่าถึงขั้นนั้น เพราะอาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะชำระล้างโคลนได้หมด

ผมเรียนแล้วว่า ทั้ง 2 จังหวัดนี้จะมีเสน่ห์มากในฤดูหนาวที่ใครๆ ก็อยากจะไปเชียงราย เชียงใหม่ เพื่อสัมผัสความหนาวของที่นี่

จึงหวังว่าน้ำจะแห้งลงเร็วและพวกเราสามารถช่วยกันชำระโคลน ชำระขยะมูลฝอย พร้อมกับฟื้นฟูทั้ง 2 จังหวัดนี้ให้เร็วที่สุด

เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ชอบหนาวมีโอกาสไปอุดหนุนจุนเจือทันทีที่มีลมหนาวมาถึง...ทั้ง 2 จังหวัดจะได้ตักตวงรายได้คืนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

อย่าลืมนะครับ “เสน่ห์หนาว” ทางภาคเหนือก็สั้นเสียด้วย เพราะพอหมดธันวาคมผ่านมกราคมไปหน่อยเดียว ไฟป่าก็จะมาอีกแล้ว “ฝุ่นพิษ PM 2.5” จะเต็มไปหมด ผู้คนและนักท่องเที่ยวก็จะพากันหวาดกลัวไม่กล้าไปเที่ยว

ขอฝากให้คิดล่วงหน้านะครับ รีบฟื้นฟูโดยเร็วหลังน้ำลด เพื่อให้ทันหนาว จากนั้นให้ระวังไฟป่า และการเผาต่างๆให้ดี... อย่าให้เกิด PM 2.5 อย่างรวดเร็วเป็นอันขาด จะทำให้ผู้คน ไม่กล้าไปเที่ยว และรายได้จากการท่องเที่ยวที่เราหวังจะได้คืนมา ชดเชยนํ้าท่วมหนักปีนี้จะลดน้อยลงไปเยอะเลยครับ!

"ซูม"

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม