ปัญหาของ “เด็ก” และ “เยาวชน” ...คนรุ่นใหม่เราได้พบเห็นมากขึ้นกว่าเดิม จนบางครั้งได้ก่อให้เกิดปัญหากับสังคมยากที่จะป้องกัน...แก้ไข นับตั้งแต่ก่อความรุนแรง ก่ออาชญากรรมด้านต่างๆ ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ลักขโมยด้วยลักษณะต่างๆ

...ประพฤติผิดทางเพศ ละเมิดศีลธรรมอันดีของศาสนา โกหกหลอกลวงผู้อื่นด้วยเล่ห์กลต่างๆ ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ใช้ชีวิตเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอบายมุข ไม่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนกลายเป็นนักเรียนนักเลง

ปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยทุกภาคส่วนของสังคมร่วมมือกันป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมาแล้วให้ผ่านพ้นไปด้วยดี...“มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน” เป็นหนึ่งในฟันเฟืองเล็กๆ ที่มีความตระหนักและห่วงใยปัญหา ได้จัดโครงการและกิจกรรมโดยอาศัยหลักธรรมคำสอนพระพุทธศาสนา

เพื่อมาเป็นแนวทางแห่งการปฏิบัติ โดยยึดหลักว่า...“วัดพึ่งบ้านและบ้านพึ่งวัด”

พระครูจินดาสุตานุวัตร (พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก) ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน เจ้าอาวาสวัดบางไส้ไก่ กทม. บอกว่า เราจัดกิจกรรรมต่างๆมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือเด็ก...เยาวชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดและเด็กในชนบทถิ่นทุรกันดารมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2527 จนถึงปัจจุบัน อายุตั้งแต่ 3-24 ปี

...มีทั้งอยู่ประจำ มาเช้าเย็นกลับ และให้ความช่วยเหลือเป็นรายบุคคลในชนบท ยกตัวอย่างเช่น โครงการอบรมธรรมะวันหยุด โครงการเด็กอ่อนก่อนสาย โครงการบ้านเด็กหรรษา โครงการเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กยากจน โครงการมอบทุนการศึกษาให้เด็กยากจนในชุมชนแออัดและเด็กในชนบทถิ่นทุรกันดาร

โครงการจัดซื้อเครื่องกีฬาให้เด็กในชนบท โครงการความรู้สู่เด็กชนบทด้วยการจัดออกค่ายอาสาพัฒนา โครงการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และโครงการสร้างบ้านให้เด็กยากจนในชนบท เป็นต้น

...

ย้ำว่า...ทุกโครงการได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถให้ความช่วยเหลือเด็กที่ยากจนด้อยโอกาสตกทุกข์ได้ยากมาแล้ว แต่ละคนต่างได้มีโอกาสที่ดี ได้รับการศึกษาที่ดีจนเรียนหนังสือจบชั้นสูงสุดเท่าที่พวกเขาจะสามารถเล่าเรียนได้ รวมถึงเรียนจบปริญญาตรีเป็นที่สุด

ที่สำคัญพวกเขาเหล่านั้นได้รับการฝึกอบรมบ่มนิสัยที่ดีจนเติบโตขึ้นมาเป็นเยาวชนพลเมืองที่ดีให้กับสังคมและประเทศชาติอีกด้วย

การให้การศึกษาและการฝึกอบรมบ่มนิสัยพัฒนาจิตใจเด็กและเยาวชนให้เจริญเติบโตขึ้นมาเป็น “คนดี” เป็นการให้ความช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่อุปการะ...“ทุนการศึกษาช้างเผือก” ส่งเด็กเรียนให้ได้รับการศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษาและอุดมศึกษาตามลำดับ

ประเด็นสำคัญมีว่า...กว่าเด็กจะเรียนจบก็ใช้เวลาคนละประมาณ 10 ปีขึ้นไป เมื่อเด็กจบการศึกษาแล้วก็ออกไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมประกอบสัมมาชีพตามกำลังของตน โดยไม่เป็นปัญหาหรือเป็นภาระแก่ผู้อื่นแต่กลับกลายไปเป็น “กำลังอันสำคัญ” ในการสร้างความปกติสุขให้กับผู้คนส่วนรวม

ด้วยว่าพวกเขาจักไปประกอบอาชีพที่ตนเองถนัดและรัก ประพฤติตนเป็นเยาวชนที่ดีและพลเมืองที่ดีให้กับสังคม ไม่ก่อปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น

ด้วยสำนึกว่า...“ได้เติบโตขึ้นมากับข้าวก้นบาตรพระ”

ตอกย้ำความกระจ่างชัดในนโยบายผลักดันเด็กและเยาวชนในชุมชนแออัดให้ได้รับการฝึกอบรมบ่มนิสัยพัฒนาจิตใจตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่สำคัญอีกโครงการหนึ่ง นั่นก็คือ “โครงการอบรมธรรมะวันหยุด” โดยฝึกอบรมมาเป็นรุ่นรุ่นละ 100 คน บัดนี้เป็นรุ่นที่ 40 แล้ว

พระครูจินดาสุตานุวัตร อธิบายว่า กิจกรรมนี้เปิดให้เด็กและเยาวชนที่อายุ 7-16 ปี เข้ามาศึกษาเล่าเรียนธรรมะตามหลักสูตรธรรมศึกษาชั้นตรีโทและเอก ทุกวันเสาร์...วันอาทิตย์ ที่มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน ภายในวัดบางไส้ไก่ มีจัดสอนธรรมะและสอนให้ความรู้เพิ่มเติมแก่เด็กๆที่อยู่ในชุมชนแออัดที่เรียงรายอยู่รอบๆวัด

เด็กเหล่านี้มาจาก 12 ชุมชน ทางวัดก็จัดเลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก จัดมอบทุนการศึกษาให้เด็ก จัดสอนธรรมะปฏิบัติให้เด็กได้สัมผัสกับความร่มเย็นในวัดวาศาสนา นำปฏิบัติไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา ท่องคติธรรมคำสอนของพระพุทธองค์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

“ทุกวันเสาร์อาทิตย์ก็จะได้พบเด็กๆเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนาอย่างน่าชื่นใจ จึงเข้าสำนวนว่าวัดพึ่งบ้านและบ้านพึ่งวัด”

นอกจากนั้นแล้วมูลนิธิยังให้ความสำคัญในการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมไว้ในจิตใจของเด็กตัวน้อยๆผ่าน “โครงการเด็กอ่อนก่อนสาย” หรือโครงการเลี้ยงเด็กเล็กลูกหลานคนยากคนจนในชุมชนแออัด วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ทั้งเลี้ยงอาหาร สอนหนังสือ สอนธรรมะ นำฝึกปฏิบัติไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ท่องคติธรรม

ตลอดทั้งวัน...ชีวิตของเด็กจึงเกี่ยวเนื่องกับวัดมาโดยตลอด

“การให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษาเด็กแต่ละคนจำเป็นต้องให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องเพื่อมิให้การเดินทางในชีวิตได้สะดุดลงไป บางกรณีอาจจะใช้เวลานานพอสมควรจนเกินเวลาที่มีกรอบกำหนดไว้ ได้ยึดหลักว่าเด็กแต่ละคนมีกำลังความรู้ความสามารถไม่เท่ากัน แต่ปลายทางนี้คือทางเลือก...ทางออกให้กับพวกเขา”

ตั้งหวังไว้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะเติบโตขึ้นมาไม่สร้างปัญหา ไม่กลายเป็นปัญหาให้กับผู้อื่น แต่ค่อยๆเติบโตขึ้นมาวันละเล็กวันละน้อย ในที่สุดเวลาที่รอคอยวันที่ประสบความสำเร็จก็จะมาถึง

อาตมาขอบอกบุญเชิญชวนมาร่วมสร้างโอกาส...ร่วมก่อร่างสร้างสังคมที่ดีให้ลูกหลานเราในอนาคตได้ตามกำลัง บริจาคทุนการศึกษา...อาหารกลางวันเด็กและทุนช่วยเหลือโครงการต่างๆได้ที่ “มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน (วัดบางไส้ไก่)” ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาเจริญพาศน์ เลขที่บัญชี 126-0-36151-2 (สะสมทรัพย์)

...

“วัดพึ่งบ้านและบ้านพึ่งวัด”...จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม