ฟังอีกมุม ลูกสาวกดเงินหมื่นให้พ่อได้ 4,000 บาท ร้องขอความเป์นธรรม หลังโดนสังมองแง่ร้าย เอาบัตร ATM พ่อไปกดเงิน ยังมั่นใจพ่อโดนหนักหนี้ ทำชีวิตตนเองพังค้าแทบขายไม่ได้
วันที่ 30 ก.ย. 67 ที่ จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากหญิงสาวรายหนึ่ง ที่ได้เดินทางมากดเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้เป็นพ่อที่ตู้กดธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.ทัพทัน เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา แต่เงินก้อนนี้กลับออกมาได้แค่เพียง 4,000 บาท ส่วนเงินอีก 6,000 บาท นั้นกลับหายไป
จนทำให้เจ้าตัวคาดการณ์ว่า เงินจำนวน 6,000 บาท ที่หายไปนั้น น่าจะถูกหักหนี้ที่ผู้เป็นพ่อนั้นรับใช้แทนลูก ๆ ไป จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ทางธนาคารออกมาชี้แจงว่า ไม่ได้มีนโยบายเรื่องการหักหนี้สินจากเงิน 10,000 บาท แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการเข้าใจผิดในครอบครัวเท่านั้น พอเข้าไปสอบถามกับปฏิเสธว่าไม่ได้ให้ข้อมูลข่าวไป
ล่าสุดทาง นางสาวพัชรี อายุ 42 ปี ชาวบ้านตำบลทุ่งนาไทย อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นข่าวเรื่องดังกล่าว ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมให้กับตนเองและครอบครัว ว่า เรื่องที่ธนาคารออกมาชี้แจงเหตุผลว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดในครอบครัวนั้นไม่เป็นความจริง คิดว่าธนาคารเป็นผู้หักเงิน 6,000 บาทเอาไว้ เนื่องจากพ่อเป็นหนี้กับทางธนาคารอยู่ อีกทั้งสื่อบางช่องก็ได้มีการนำเสนอออกไปอีกด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ลูกสาวเป็นคนแอบเอาบัตร ATM ของผู้เป็นพ่อมากดเงินเอง ส่วนเงิน 6,000 บาท ที่กดไม่ได้นั้น อ้างว่าพ่อเป็นคนจำกัดวงเงินเอาไว้เอง ซึ่งทั้งหมดนี้มันไม่เป็นความจริงเลย การให้ข่าวบิดเบือนความจริงจนทำให้ตนเองนั้นเสียหาย
...
นางสาวพัชรี ได้เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 25 เวลาประมาณ เวลา 05.00 น. นั้นผู้เป็นพ่อได้ให้บัตร ATM มากับตน พร้อมกับบอกให้ตนเองนั้นไปกดเงิน 10,000 บาทที่จะเข้าในวันนี้มาให้กับผู้เป็นพ่อ ซึ่งวันนั้นตนเองก็ไปที่ตู้ธนาคาร และพบว่ามียอดเงิน 10,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารของพ่อแล้วจริง ๆ แต่พอจะกดเงินออกมากับกดไม่ได้เต็มจำนวน กดออกมาได้แค่เพียง 4,000 บาท ส่วนยอดเงินอีก 6,000 บาท นั้นมียอดโชว์อยู่แต่ไม่สามารถกดได้ ซึ่งตอนนั้นคนที่มากดบัตร ATM ที่อยู่ใกล้ ๆ กับตัวเองก็ยังสอบถามว่า ถูกหักยอดฌาปนกิจหรือไม่ ซึ่งตัวเองก็ตอบว่าเงินยอดนั้นได้จ่ายไปแล้ว และได้สอบถามต่ออีกว่า มีหนี้กับทางธนาคารด้วยหรือไม่ ตนเองก็ตอบไปว่า พ่อมีหนี้กับธนาคารอยู่ คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จึงสันนิษฐานว่าอาจจะถูกทางธนาคารนั้นหักหนี้จากยอดเงินก้อนนี้ไปหรือไม่
ในตอนนั้นก็มีผู้สื่อข่าวได้ทำข่าวอยู่พอดี และได้เข้ามาสอบถาม ตนเองตนเองก็ได้เล่าให้ฟังอย่างที่บอก และได้มีการตัดพ้อไปว่าธนาคารไม่น่ามาหักเงินกับคนแก่ เพราะพ่อไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับหนี้สินก้อนนี้ แม้พ่อจะเป็นผู้รับหนี้ แต่คนที่เอาเงินไปใช้นั้นเป็นลูก ๆ ซึ่งก็น่าจะมาพูดคุยกับทางลูก ๆ ไม่ควรมาหักเงินก้อนนี้ของพ่อไป
หลังจากนั้น ตนเองก็ได้เข้าไปที่ธนาคารและได้สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าได้มีการหักเงิน 6,000 บาท ของพ่อเพื่อไปชำระหนี้หรือไม่ ทางธนาคารก็ยอมรับว่าได้มีการหักไว้จริง ซึ่งตนตอนนั้นตนเองก็ได้มีการพูดคุยขอให้มีการหักแค่ 3,000 บาทได้หรือไม่ ตอนนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ตอบกลับตัวเองมาว่า ไม่ได้ จำเป็นต้องหักไว้ที่ยอด 5,000 บาทแล้วจะคืนให้ 1,000 บาท
แต่หลังจากที่ได้มีการออกข่าวไป และทางรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ก็ได้มีการออกมาชี้แจงว่า ทางธนาคารไม่ได้มีนโยบายที่จะมาหักหนี้ผ่านเงินหมื่นก้อนนี้แต่อย่างใด หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ธนาคารก็ได้มีการเดินทางมาที่บ้านพร้อมกับพูดคุยกับตนเอง กับพ่อ และลูก ๆ รวม 4 คนพร้อมกันเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่าจะไม่ได้มีการหักเงินก้อนนี้ จะมีการปลดบล็อกเงินให้ พร้อมกับขอให้ผู้เป็นพ่อนั้นช่วยเซ็นเอกสารให้ ซึ่งตอนนั้นทางตนเองก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายขนาดนี้ คิดว่าเป็นการเยียวยาจากทางธนาคารก็ได้มีการเซ็นเอกสารไปโดยที่ไม่ได้อ่าน
หลังจากที่ได้มาดูข่าวช่วงประมาณ 22.00 น. ก็พบว่า ข่าวออกมาในเชิงแง่ลบ กลายเป็นว่าตนเองนั้นแอบเอาบัตร ATM ของพ่อมากด กลายเป็นตนเองนั้นเป็นคนไม่ดี ทั้ง ๆ ที่ตนเองนั้นไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ และที่ผ่านมาลูก ๆ ทั้ง 3 คนก็เป็นคนเลี้ยงดูพ่อ พอหลังจากที่ข่าวออกไปในด้านนี้ ทำให้ตนเองนั้นได้รับผลกระทบหนักมาก ด้วยความที่ตนเองนั้นเป็นแม่ค้าขายของ ก็ทำให้ถูกคนซุบซิบนินทาว่าร้ายต่าง ๆ นานา ทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ลงทุกวัน
ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ธนาคารอีกครั้ง เพื่อขอให้ธนาคารช่วยแก้ไขข่าวให้ เพราะข่าวที่ออกไปนั้นมันไม่เป็นความจริง แต่กลับถูกทางธนาคารนั้นบ่ายเบี่ยง อ้างว่าติดต่อนักข่าวไม่ได้บ้าง ไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวไปบ้าง ซึ่งตนเองนั้นก็คาใจว่า ถ้าธนาคารไม่ได้ให้ข้อมูลตรงนี้ไปแล้ว สื่อกับทางรัฐมนตรีจะได้รับข้อมูลตรงนี้จากใครได้
ทางด้าน นายศิลป์ชัย อายุ 77 ปี ผู้เป็นพ่อ ได้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ขอยืนยันว่าข่าวที่ออกไปทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริง ตนเองเป็นคนให้บัตร ATM กับลูกสาวไปกดเงิน และไม่เคยมีการไปตั้งจำกัดวงเงินแต่อย่างใด โดยทั้งครอบครัวนั้นจะพากันเดินทางเข้าไปที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทัพทันเพื่อแจ้งเรื่องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งในวันนี้ได้มี นางสาวอุมาพร กันสาตร์ ปลัดอำเภอทัพทัน เข้ามาทำหน้าที่รับเรื่องดังกล่าว พร้อมกับแจ้งทางครอบครัวว่า จะรับเรื่องนี้ไว้และจะติดต่อกับทางธนาคารให้เข้ามาร่วมพูดคุยไกล่เกลี่ยเจรจาหาข้อตกลงในเรื่องนี้
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังผู้จัดการ ธนาคารดังกล่าว บอกว่าในเรื่องนี้ไม่สามารถให้ข่าวได้ต้องรอให้ทางสาขาจังวัดอุทัยธานีหรือที่กรุงเทพนั้นเปิดเผยหรือให้ข่าวในเรื่องนี้
หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.
...