เห็นคนเข้าตาจนแล้วอดสงสารไม่ได้
หลายคนไม่มีทางออก เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับตำรวจเป็นด่านแรก แต่บางครั้งหารู้ไม่ว่า มันไม่เข้าข้อกฎหมายที่ตำรวจจะช่วยเหลือได้ เพราะไม่ใช่ความผิดทางอาญา?
กรณีสามีภรรยาทำธุรกิจเล็กๆ รับซ่อมโทรศัพท์มือถือใน จ.นครราชสีมา เข้าร้องเรียนตำรวจกองปราบปราม กรณีถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องยึดบ้านไปแล้ว ต้องพาลูก 2 คนไปเช่าบ้านอยู่ กำลังจะถูกยึดที่ดินอีก 12 ไร่
ถึงขนาดจะสิ้นเนื้อประดาตัว!
เนื่องจากไปหลงค้ำประกันเช่าซื้อรถกระบะราคา 4 แสนบาท ให้นายตำรวจระดับรอง สว.นายหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2558 แต่หลังจากนั้นนายตำรวจรายนี้ไม่ผ่อนชำระอีกเลย จนดอกบานมูลหนี้เพิ่มเป็น 1.2 ล้านบาท
ขณะที่ฝ่ายนายตำรวจตัวต้นเหตุยังรับราชการ มีเงินเดือนกิน ครอบครองรถกระบะคันนั้นอยู่ คำถามคือ แล้วทำไมไฟแนนซ์ไม่ไปไล่เบี้ยกับตัวต้นเหตุ
มันมีนอกมีในอะไรกันหรือเปล่า?
งานนี้ยอมรับว่าเห็นใจ ถึงเป็นเรื่องทางแพ่งล้วนๆ แต่ยังมีหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมหลายหน่วยที่พร้อมให้ความช่วยเหลือให้เป็นธรรม พร้อมตามบี้นายตำรวจตัวต้นเหตุนายนี้
เพราะตามกฎหมายแพ่ง เจ้าหนี้ต้องไปไล่บี้กับตัวต้นเหตุก่อน?
ที่แรกแนะนำให้เดินทางไปร้องเรียนที่ศาลชั้นต้นที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ เพื่อขอไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องคดี เป็นโครงการของท่านประธานศาลฎีกา นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล เอง
อัยการก็มีที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายของอัยการสูงสุด อันนี้เค้าจัดคนดูแลรับผิดชอบอย่างดี
หรือจะไปขอความช่วยเหลือกับสภาทนายความ ที่ นายวิเชียร ชุบไธสง กุมบังเหียนอยู่ก็กระตือรือร้น
จะได้เลิกซะที เอะอะอะไรจะฟ้องคนค้ำท่าเดียว ปล่อยให้ตัวต้นเหตุลอยนวล?
"สหบาท"
...
คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม