เรื่องเล่าคล้ายๆกัน เท่าที่ผมเคยอ่าน มีทั้งฝรั่ง จีน เรื่องที่ 28 ในหนังสือเรื่องเล็กๆ ความหมายใหญ่ (สุริยเทพ ไชยมงคล สำนักพิมพ์อินสไปร์ พ.ศ.2553) เป็นเรื่องจีน ชื่อเรื่องจักรพรรดิเหลืองถามทาง
ครั้งหนึ่งในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ จักรพรรดิเหลือง และผู้ติดตาม ออกเดินทางจากเมืองหลวง มุ่งหน้าเข้าป่าไปหาเขาเป้ยฉือ ที่พำนักพระอาจารย์ต้าขุ่ย
พระอาจารย์ท่านนี้ เล่าลือกันว่า ท่านเป็นผู้รอบรู้ทุกวิชา โดยเฉพาะวิชาการปกครองบ้านเมือง
เดินทางไปประมาณการว่า ได้สักครึ่งทาง จักรพรรดิก็เริ่มรู้พระองค์ ทรงหลงทาง ในรอบเดินที่หลง ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทรงอยากรู้ ในขณะทรงเหน็ดเหนื่อยและทรงสิ้นหวัง
โชคดี เจอเด็กเลี้ยงวัวเข้าคนหนึ่ง
“เจ้าหนู ภูเขาเป้ยฉือ ไปทางไหน?” จักรพรรดิทรงถาม “ข้ารู้!” เด็กเลี้ยงวัวตอบ แล้วก็ชี้ทางให้
ท่าทางองอาจของเด็กเลี้ยงวัว ทำให้จักรพรรดิทรงถามต่อ “ข้ารู้ทางไปเขาเป้ยฉือแล้ว เจ้ารู้จักพระอาจารย์ต้าขุ่ยหรือเปล่า?” “ข้ารู้” เด็กเลี้ยงวัวตอบสำเนียงแน่ใจ
จักรพรรดิเหลืองทรงรำพึง “ดูเจ้าอายุก็ยังน้อยนัก แต่ทำไมจึงฉลาดเฉลียว รู้ไปทุกเรื่อง”
แล้วก็ทรงหลุดพระโอษฐ์ ถามต่อ “เจ้ารู้หรือไม่? จะปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขได้อย่างไร?”
ทรงถามแล้ว ก็ทรงสะดุด เป็นคำถามที่ไม่น่าจะถามกับเด็กเลี้ยงวัว
“ข้ารู้!” ไม่เพียงตอบคำตอบเดียวแบบเดิม เด็กเลี้ยงวัว ก็ยังอธิบายได้อย่างฉาดฉาน
“จะไปยากอะไร การปกครองบ้านเมืองก็เหมือนกับการเลี้ยงวัว หาที่กินหญ้า หาที่กินน้ำ ให้มันกินจนมีเรี่ยวแรง มีงานก็ใช้งาน ถึงเวลาพัก ก็ให้มันพัก”
...
จักรพรรดิเหลืองฟัง แล้วก็ทรงอึ้งทึ่ง
ทรงคาดไม่ถึง เด็กเลี้ยงวัวกลางป่าลึกจะเฉลียวฉลาดเปรื่องปราชญ์ บอกเรื่องที่ยากแสนยาก อย่างวิชาปกครองบ้านเมือง ให้กลายเป็นเรื่องง่ายแสนง่ายขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์พระทัยยิ่ง
เรื่องเล่าเรื่องนี้ จบแค่นี้ บางสำนวนที่อ่าน เล่าให้ฟังคล้ายให้เข้าใจว่า เด็กเลี้ยงวัวนั้น ที่แท้คือพระอาจารย์ต้าขุ่ย ท่านเมตตา แสดงปาฏิหาริย์ จำแลงแปลงร่างมาสอนองค์จักรพรรดิเอง
มีคำสอนเป็นวิชาการ ในกรอบ ความหมายใหญ่ๆต่อไปว่า นักสังคมศาสตร์ แบ่งสังคมออกเป็นสามแบบ
สังคมการเรียนรู้จากการรุ่นก่อน คือ สังคมการเรียนรู้คนโบราณดั้งเดิม สังคมการเรียนรู้จากคนรุ่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอีกทาง
และสังคมการเรียนรู้จากคนรุ่นหลัง หรือก็คือสังคมแนวใหม่ โดยเฉพาะกับเด็กรุ่นใหม่ในสังคมปัจจุบัน ซึ่งมีการพัฒนารวดเร็วก้าวหน้า จากเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความก้าวหน้าในหนึ่งร้อยปีมานี้ มากกว่าความเจริญก้าวหน้าในรอบหลายพันปีที่ผ่านไปแล้วหลายเท่า
ผมสรุปความรู้ที่ได้จากเรื่องเล็กๆความหมายใหญ่ๆ ได้แค่ว่า
ในโลกวันนี้ โปรดอย่าเผลอใช้คำพังเพยโบราณ คบเด็กสร้างบ้าน เพราะไม่แค่เด็กเลี้ยงวัว จะสอนวิชาปกครองบ้านเมืองให้จักรพรรดิ เด็กรุ่นลูกๆที่เพิ่งเห็นวิ่งเล่นตรงหน้า บางคนเติบโตมานั่งเก้าอี้นายกฯแล้ว ที่ไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์ แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม