นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมอย่างต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือจากทุกโรงพยาบาลให้เก็บและส่งตัวอย่างผู้มารับบริการที่ผลตรวจเบื้องต้นเป็นผลบวก จำนวน 5-10 ตัวอย่างต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ สถานการณ์สายพันธุ์โควิด-19 ทั่วโลกจากฐานข้อมูลกลางจีเสด (GISAID) ณ ปัจจุบัน พบสายพันธุ์ JN.1* มากที่สุดในสัดส่วน 47.1% มีอัตราการพบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ KP.2* และ KP.3* พบสัดส่วน 22.7% และ 22.4% ตามลำดับ ซึ่งมีอัตราการพบที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทย สายพันธุ์ JN.1* มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาด ณ ปัจจุบัน ทั่วโลกมีรายงานพบสายพันธุ์ JN.1* จำนวน 181,628 ราย จาก 115 ประเทศ (อ้างอิงข้อมูล CoV-spectrum ณ วันที่ 1 ก.ค. 2567) ในขณะที่ประเทศไทยพบสายพันธุ์ JN.1* จำนวนทั้งหมด 716 ราย คิดเป็นสัดส่วนสะสม 41.10% ของสายพันธุ์ทั้งหมดที่พบในประเทศไทย นับตั้งแต่การพบครั้งแรก เมื่อเดือน ต.ค. 2566 ถึงปัจจุบัน

นพ.ยงยศกล่าวต่อว่า ข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด-19 จากห้องปฏิบัติการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ในรอบ 30 วัน ระหว่างวันที่ 24 พ.ค.-26 มิ.ย. 2567 จำนวน 182 ราย พบสายพันธุ์ JN.1* จำนวน 110 ราย สายพันธุ์ KP.2* และ KP.3* (สายพันธุ์ย่อย JN.1.11.1*) จำนวน 37 ราย และ 22 ราย และพบสายพันธุ์ JN.1.7* และ JN.1.18* จำนวนสายพันธุ์ละ 2 ราย นอกจากนี้ ข้อมูลจากห้องปฏิบัติการในรอบ 6 เดือน (เดือน ม.ค.-มิ.ย. 2567) แสดงให้เห็นว่าสายพันธุ์ JN.1* เป็นสายพันธุ์หลัก โดยสายพันธุ์ KP* (KP.1*, KP.2*, KP.3*, KP.4* และ KP.5*) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของสายพันธุ์ JN.1* ที่ต้องจับตามอง พบในสัดส่วนน้อยกว่า 10%.

...

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่