ว่าไปแล้ว “ตำรวจไทย” นั้นมีความสามารถระดับนานาชาติต้องยอมรับ เนื่องจากสามารถสืบสวนสอบสวนคดีได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

อย่างล่าสุดคดีวางยาพิษ 6 ศพ ในโรงแรมหรูกลางกรุง ซึ่งเป็นชาวต่างชาติตามรูปการณ์นั้นน่าจะซับซ้อนซ่อนเงื่อน เพราะเสียชีวิตในห้องเดียวกันทั้ง 6 คน

อีกทั้งช่วงเวลาเกิดเหตุก็ไม่มีใครเข้า-ออกห้องพัก จึงเป็นเหตุที่ชวนให้สงสัยว่าใครคือมือสังหารเงียบเช่นนี้

ตำรวจสามารถให้คำตอบอย่างกระจ่างด้วยเวลาเพียงแค่วันเดียวทุกอย่างกระจ่างหมดว่า ใครลอบวางยา เหตุเพราะอะไร

ทำให้ทุกอย่างคลี่คลายได้ภายในเวลาไม่นานนัก

เพราะคดีนี้หากผลคดีออกมาล่าช้าย่อมชวนให้เกิดความสงสัยไปต่างๆนานา โดยเฉพาะเหตุเกิดในโรงแรมกลางเมือง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญของไทย

หากไม่ทราบต้นสายปลายเหตุก็จะทำให้เกิดความกังวลและมีความไม่มั่นใจ โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนหรือมาเที่ยวเมืองไทย

แต่เมื่อสามารถให้คำตอบได้ภายในเวลารวดเร็ว ถือว่าจบจึงไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งเรากำลังต้องการบรรยากาศที่ดีเพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ก็ต้องตีมือให้กันหน่อย...

ก่อนหน้านี้แวดวงตำรวจเกิดปัญหาขัดแย้งกันมาอย่างยาวนาน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่จบ ซึ่งไม่ใช่เกิดปัญหาในระดับล่างๆ

แต่เป็นระดับ “ยอดพีระมิด” คือ ผบ.ตร.กับ รอง ผบ.ตร. จนทำให้ภาพลักษณ์ตำรวจเสียหายและพาดพิงไปถึงผู้นำประเทศอีกด้วย

แม้เรื่องยังไม่จบแต่ก็บรรเทาความร้อนแรงลงไประดับหนึ่ง

พอมาถึงเรื่องนี้คะแนนจึงตีตื้นขึ้นมาหน่อย เพราะเป็นผลงานที่ต้องให้การยอมรับว่าไม่ธรรมดา แม้แต่เอฟบีไอ ที่เข้ามาร่วมด้วยก็คงมองไม่แตกต่างกัน

ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าตำรวจสามารถคลี่คลายคดีต่างๆได้ค่อนข้างดี สามารถจับกุมคนร้ายได้แทบจะทุกคดี

...

ไม่มีค้างคาแล้วปล่อยเงียบหายไป!

นั่นจึงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าตำรวจไทยนั้นมีความสามารถหากทำงานกันอย่างจริงจังในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

แต่ที่มีปัญหาก็คือ โครงสร้างที่ทำให้เกิดปัญหาจนทำให้ “ตำรวจ” ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน

มีการเสนอให้ปฏิรูปตำรวจกันอย่างจริงจัง

แต่ก็ไม่มีรัฐบาลไหนดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

ตรงกันข้ามกลับสร้างปัญหาให้เกิดซ้ำเข้าไปอีกคือ ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือทางการเมือง จนเละเทะไม่เป็นชิ้นดี

แทนที่ตำรวจจะเป็นองค์กรที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเป็นที่ผดุงความยุติธรรมและขจัดทุกข์บำรุงสุข

กลับตรงกันข้ามไปทั้งหมด

รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ก็คงไม่ต่างไปจากรัฐบาลที่ผ่านมา คือ ไม่กล้าเข้าไปแตะต้องขนาดรัฐบาลทหารแท้ๆ ที่รู้ปัญหาดีก็ยังไม่กล้ายุ่ง

เพราะตำรวจถูกปรุงแต่งให้เป็น 1 ในกองทัพที่มีพลังและอำนาจ

สามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองได้ไม่ต่างกับทหาร!

"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม