“ฟอร์บส์” เผยปี 2024 มหาเศรษฐีไทยความมั่งคั่งลดลง 12% จากผลพวงเศรษฐกิจตกต่ำ ตลาดหุ้นไทยทรุดหนัก ค่าเงินบาทอ่อนตัว “เฉลิม อยู่วิทยา” นั่งแท่นมหาเศรษฐีไทยอันดับ 1 จากธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังที่มียอดขายมากกว่า 1.2 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลก ขณะที่มหาเศรษฐีกลุ่มธุรกิจเจริญโภคภัณฑ์หรือที่รู้จักกันดีในนามเจ้าสัวซีพีที่ความมั่งคั่งครองอันดับ 1 มายาวนานเกือบทศวรรษ ถอยลงมาอยู่อันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นของ “สิริวัฒนภักดี”

นิตยสารฟอร์บส์ ไทยแลนด์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ถึงผลการจัดอันดับ 10 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2024 แต่ในปีที่ผ่านมาความไม่แน่นอนทางการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังส่งผลให้ดัชนีหุ้นอ้างอิงลดลง 15% นับตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อเนื่องไปถึงผลกระทบจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ความมั่งคั่งรวมของเหล่ามหาเศรษฐี ผู้ร่ำรวยที่สุดของประเทศจึงลดลงเกือบ 12% เหลือเพียง 1.53 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 1.73 แสนล้านเหรียญในปีที่แล้ว จากข้อมูลที่กล่าวมาเป็นผลให้มหาเศรษฐีของไทยจำนวน 39 ราย ในปี 2024 มีฐานะร่ำรวยน้อยลง

...

สำหรับ 10 อันดับมหาเศรษฐีไทย 2024 อันดับ 1 คือ เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว เจ้าของร่วมเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ Red Bull มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.6 หมื่นล้านเหรียญ/1.32 ล้านล้านบาท ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม ครอบครัวอยู่วิทยาถือหุ้นอยู่ 51% ในจำนวนนี้มีหุ้นจำนวนเล็กน้อยที่เป็นของเฉลิมลูกชายคนโตของผู้ร่วมก่อตั้งกระทิงแดงผู้ล่วงลับไปแล้วคือ “เฉลียวอยู่วิทยา”

อันดับ 2 พี่น้อง “เจียรวนนท์” มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.9 หมื่นล้านเหรียญ/1.06 ล้านล้านบาท ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับ “เจียรวนนท์” ประกอบไปด้วย 3 พี่น้อง รวมถึงครอบครัวของมนตรี เจียรวนนท์ บุตรชายคนที่ 2 ของ “เจี่ย เอ็กชอ” ผู้ก่อตั้งเจียไต๋ ต้นกำเนิดธุรกิจเครือซีพี ที่เริ่มจากการเปิดร้านจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่นำเข้าจากจีนให้เกษตรกรไทยในปี 1921 ทั้งนี้ “ธนินท์ เจียรวนนท์” เป็นประธานและซีอีโอของซีพีมานาน 48 ปี และก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2017 แต่ยังคงเป็นประธานอาวุโส โดยมีสุภกิตและศุภชัย ลูกชาย เป็นประธานและซีอีโอของซีพี ภาพรวมธุรกิจที่สำคัญคือในปี 2023 ธุรกิจโทรคมนาคมในเครือคือ True ได้ควบรวมกิจการเสร็จสิ้นกับค่ายคู่แข่งคือ DTAC

อันดับ 3 เจริญ สิริวัฒนภักดี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.0 หมื่นล้านเหรียญ/3.68 แสนล้านบาท ทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เป็นผู้กุมบังเหียนไทยเบฟเวอเรจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทรัพย์ สินขนาดใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ Fraser & Neave นอกจากนี้ยังมีอาณาจักรค้าปลีก ได้แก่ เครือไฮเปอร์มาร์เก็ต บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งเข้าซื้อกิจการในปี 2016 ด้วยมูลค่ามากกว่า 6 พันล้านเหรียญ และยังมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ AWC ที่จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนเมื่อตุลาคม 2019 เจริญยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดย AWC นั้นมีโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวมากมาย เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ และพัทยา เป็นต้น โปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่คือโครงการมิกซ์ยูสใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง One Bangkok มูลค่ากว่า 3.5 พันล้านเหรียญ โครงการนี้ดูแลโดยบุตรชายที่ชื่อ“ปณต”

...

อันดับ 4 ครอบครัวจิราธิวัฒน์มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 9.9 พันล้านเหรียญ/3.64 แสนล้านบาท ทำธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่นและค้าปลีก ครอบครัวจิราธิวัฒน์ เจ้าของกลุ่มเซ็นทรัล (ในภาพคือ สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์) เป็นผู้พัฒนาห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศในแง่ของพื้นที่เช่าสุทธิ ปี 2020 ครอบครัวนี้ได้จดทะเบียนบริษัทค้าปลีกเอกชนชื่อ Central Retail ระดมทุนได้ 2.5 พันล้านเหรียญในการเสนอขายหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เดือน พ.ย. 2023 กลุ่มเซ็นทรัลได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในห้างสรรพสินค้า Selfridges ในลอนดอนและกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกด้วย และในเดือน เม.ย. 2024 กลุ่มเซ็นทรัลได้ซื้ออาคารห้างสรรพสินค้า KaDeWe จากบริษัท Signa ในออสเตรียที่ล้มละลายในมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญ

อันดับ 5 สารัชถ์ รัตนาวะดี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 9.2 พันล้านเหรียญ/3.38 แสนล้านบาท สารัชถ์ ดำรงตำแหน่งซีอีโอของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของไทย โดยนำบริษัทเข้าสู่มหาชนในปี 2017 ระดมทุนได้มากกว่า 700 ล้านเหรียญ ถือเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบทศวรรษ จนปี 2021 สารัชถ์ได้เข้าถือหุ้นใน InTouch Holdings ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมและหน่วยไร้สาย Advanced Info Service (AIS) ทั้งนี้ การร่วมทุนระหว่างกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี กับ Singtel และ AIS เพื่อจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปี 2025 และในเดือนมกราคม 2024 Gulf Energy ร่วมทุนกับ Binance เปิดตัวกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตฯในประเทศไทย

...

อันดับ 6 นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.8 พันล้านเหรียญ / 1.39 แสนล้านบาท ที่ขึ้นจากอันดับ 7 ในปีที่แล้ว นพ.ปราเสริฐ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งกรุงเทพดุสิตเวชการ หรือที่รู้จักกันดีในนามของเครือโรงพยาบาลเอกชน BDMS ถือเป็นผู้ให้บริการโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่สุดของไทย นับตั้งแต่ปี 2515 ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจของ BDMS มีศูนย์ดูแลสุขภาพสุดหรูมูลค่า 370 ล้านเหรียญในกรุงเทพฯ รวมถึงรีสอร์ตเพื่อสุขภาพ Movenpick จำนวน 211 ห้อง ในปี 2566 กรุงเทพดุสิตได้เปิดโรงพยาบาลโรคมะเร็งในกรุงเทพฯ ปัจจุบันมีโรงพยาบาลมากกว่า 50 แห่ง นอกจากนี้ นพ.ปราเสริฐ ยังเป็นเจ้าของธุรกิจสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่เข้าจดทะเบียนในปี 2557

...

อันดับ 7 อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.6 พันล้านเหรียญ / 1.32 แสนล้านบาท อัยยวัฒน์เป็นบุตรชายของวิชัย ศรีวัฒน ประภา เจ้าของธุรกิจ King Power ร้านค้าปลอดภาษีที่ตั้งอยู่ในสนามบินชั้นนำในประเทศไทย อัยยวัฒน์ ดำรงตำแหน่งซีอีโอและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของคิง เพาเวอร์ และยังเป็นประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรฟุตบอลอังกฤษที่ครอบครัวของเขาได้ซื้อถือครองกิจการ รวมทั้งยังเป็นเจ้าของพื้นที่ส่วนใหญ่ของตึกมหานคร ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

อันดับ 8 วานิช ไชยวรรณ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.3 พันล้านเหรียญ /1.21 แสนล้านบาท จากอดีตผู้ค้าข้าว ก้าวมาเป็นผู้นั่งแท่นประธานกิตติมศักดิ์ของบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทประกันรายใหญ่อันดับสองของไทย ปัจจุบันบริษัทนี้บริหารงานโดยไชย ไชยวรรณ ในตำแหน่งประธานกรรมการและซีอีโอบริษัท นอกจากนี้วานิชและครอบครัวยังถือหุ้นใหญ่ในธนาคารไทยเครดิต ซึ่งจดทะเบียนในเดือนกุมภาพันธ์ 2024

อันดับ 9 ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ (ในภาพ นิติ โอสถานุเคราะห์) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.2 พันล้านเหรียญ /8.10 หมื่นล้านบาท ครอบครัวโอสถานุเคราะห์เป็นเจ้าของธุรกิจโอสถสภา ที่มีอายุยาวนานถึง 133ปี ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดของไทยและยังเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 ความมั่งคั่งของครอบครัวได้รับแรงหนุนจากการเสนอขายหุ้น IPO ของโอสถสภาเมื่อเดือน ต.ค.2018 โดยครองสัดส่วนตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังประมาณ 46% ของไทย

อันดับ 10 ประยุทธ มหากิจศิริ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.15 พันล้านเหรียญ /7.91 หมื่นล้านบาท ประยุทธร่วมทุนกับเนสท์เล่มายาวนานในโปรดักส์เนสกาแฟ ขณะที่เมล็ดกาแฟที่ใช้ในกาแฟสำเร็จรูปของ Quality Coffee ล้วนมาจากผู้ปลูกกาแฟในท้องถิ่น นอกจากนี้ประยุทธยังมีความสนใจในธุรกิจเหล็ก ทองแดง การขนส่ง การขุดเจาะนอกชายฝั่งและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่