โอม อมฤต เข้าเวรคอลัมน์ ยำตำรวจ ประจำฉบับวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย.2567 สัปดาห์ที่ผ่านมาแวดวงสีกากีลุกเป็นไฟทีเดียว “ศึกภายใน” ระอุถึงขีดสุด เพราะมีการบิลต์อารมณ์กันมายาวนานจนถึงการประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567 จนต้องบันทึกไว้อีกครั้งในวาระการพิจารณาลงมติการเซ็นคำสั่งที่ลงนามโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ สมัยเป็น รรท.ผบ.ตร.ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ผลปรากฏว่าคณะกรรมการ ก.ตร.ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานหัวโต๊ะมีมติ 12-0 เสียงให้ความเห็นชอบคำสั่ง รรท.ผบ.ตร.ว่าชอบด้วยกฎหมายแล้ว
นี่อาจเป็นที่มาของ “รองโจ๊ก” กับ “ชีวิตที่สิบ” ที่ได้ยื่นขอความเป็นธรรมร้องทุกข์ต่อ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ พ.ศ.2565 อันเป็นด่านสุดท้ายกับคำสั่งให้รองโจ๊กออกจากราชการ
ระยะเวลาของคณะกรรมการ ก.พ.ค.ตร.มีกำหนดไว้ไม่เกิน 120 วัน
นั่นย่อมหมายถึงการ “แช่แข็ง” รองโจ๊ก รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับหนึ่งไปอีก 4 เดือน และในระหว่างนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่แน่ๆ เลยคือปีนี้ 30 ก.ย.2567 จะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตราชการของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่นายกรัฐมนตรีส่งกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา
...
ดังนั้นการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่จะเกิดขึ้นประมาณปลายเดือนสิงหาคมหรือสองเดือนต่อจากนี้ จึงต้องตัดรองโจ๊กออกไปจากตัวแข่งขัน สมการก็มีเพียงเท่านี้สำหรับวาระการประชุม ก.ตร.แต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่
แต่ก็มี “ดีลลับ” ที่เริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูแล้ว กับการจะมีนายตำรวจระดับ พล.ต.อ.ลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุ จะเป็นใครน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งเพราะ พล.ต.อ.เวลานี้มีอยู่ไม่กี่คน ถ้าเป็นเรื่องจริงการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คงระอุอีกครั้ง
อำนาจอยู่ในมือนายกรัฐมนตรีประธาน ก.ตร.คนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ “วิกฤติ” และเรียกศรัทธากลับคืนมาโดยเร็ว
เลือกตั้ง สว.เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567 มีอาชีพตำรวจฝ่าด่านอรหันต์ได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาหลายคน ยินดีกับท่าน พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง และ พล.ต.ท.วันไชย เอกพรพิชญ์ ครับ.
โอม อมฤต