คนไทยกำลังตื่นตัวเรื่อง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คอนเฟิร์มจากผลสำรวจของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ร่วมกับ LinkedIn ที่ทำการวิจัย “Work Trend Index 2024” สอบถามความคิดเห็นผู้บริหารและพนักงานกว่า 31,000 คน ใน 31 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย พบว่ามีมนุษย์เงินเดือนชาวไทยถึง 92% นำ AI มาใช้เป็นตัวช่วยในการทำงานแล้ว ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 75% ขณะที่ผู้บริหารไทย 90% เลือกคนที่มีทักษะด้านการใช้ AI แทนคนประสบการณ์สูงกว่า ตอกย้ำว่าความสามารถในการใช้ AI กลายเป็นทักษะแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนแลนสเคปของตลาดแรงงานทั้งโลก

ตอนนี้คนทั้งโลกรู้แล้วว่า ChatGPT คืออะไร เพราะได้เริ่มทดลองเล่นกับ AI Chatbot อย่างคึกคัก และภายในเวลาไม่กี่ปี ข้างหน้าองค์กรต่างๆจะต้องตื่นตัวนำ AI มาใช้งานจริง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ หัวหอกระดับท็อปในหลายอาชีพ โดยเฉพาะในแวดวงอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ได้นำ Generative AI มาใช้ ในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยลดภาระงานหยุมหยิม และเบรนสตอร์ม ไอเดียใหม่ๆทะลุกรอบเดิม เช่น สำนักข่าวออนไลน์ CNET ทดลองใช้ AI ช่วยเขียนข่าวและบทความเชิงลึกมาพักใหญ่แล้ว หรือแม้แต่วงการกฎหมายก็มีทนายโรบอตช่วยให้บริการด้านกฎหมายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแวดวงไฮเทค เช่น งานเขียนโค้ดดิ้ง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ AI รับมือได้สบายๆ

หมดยุคแล้วที่จีดีพีของเศรษฐกิจ โลกจะขับเคลื่อนด้วยแรงงานมนุษย์ เหมือนในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม เพราะโมเดลขององค์กรธุรกิจในอนาคต กำลังมุ่งไปสู่การจ้างพนักงานคุณภาพคับแก้วจำนวนน้อย บวกกับการลงทุนด้าน AI เพื่อสร้างประสิทธิภาพ สูงสุด

อย่างไรก็ดี เหรียญย่อมมีสองด้าน แม้ AI จะช่วยผ่อนแรงมนุษย์ได้มาก แต่ความฉลาดของ AI ที่กำลังจะเกินหน้ามนุษย์ ก็ถูกมองว่าอาจเป็นภัยคุกคามใหญ่ในอนาคต นอกจากจะแย่งงานมนุษย์ ทำให้มนุษย์เสี่ยงตกงานจำนวนมหาศาล ด้านมืดของ AI ยังมีอีกสารพัด เช่น “AI หัวก้าวหน้า” อาจถูกพัฒนาไปไกลถึงขั้นตื่นรู้และพัฒนาตัวเองได้ โดยไม่ต้องผ่านการควบคุมของมนุษย์ หรือ “AI หัวอ่อน” ที่ถูกเทรนตามข้อมูลจากมนุษย์ อาจเต็มไปด้วยอคติและการเลือกปฏิบัติ ซ้ำร้ายสุดคือ ความเป็นไปได้ที่ “AI หัวรุนแรง” อาจถูกนำไปใช้เป็นอาวุธของมนุษย์ หรือทำเรื่องผิดกฎหมายที่อยู่เหนือการควบคุม

...

มนุษย์เคยภูมิใจหนักหนาว่าตัวเองต่างจากสัตว์อื่นๆ เพราะมีมันสมองที่ใหญ่กว่า ทำให้มีสติปัญญาสูง และเฉลียวฉลาดกว่าสัตว์ แต่ด้วยความคันของมนุษย์นี่เอง จึงสร้าง AI ขึ้นมาโดยเลียนแบบระบบการทำงานและความคิดของสมองมนุษย์ ในขณะที่ Traditional AI เปรียบเหมือนสมองซีกซ้ายที่ถนัดการวิเคราะห์ข้อมูล น้องใหม่มาแรงอย่าง Generative AI คือสมองซีกขวาที่ชำนาญเรื่องความคิดสร้างสรรค์ และสามารถสร้างผลงานขึ้นใหม่จากข้อมูลที่มีอยู่ ตามคำสั่ง (prompt) ที่มนุษย์ป้อนเข้าไป

การถือกำเนิดของ AI กำลังจะมาดิสรัปโลก เหมือนตอนที่เกิดอินเตอร์เน็ต และสมาร์ทโฟน แต่เชื่อมั่นว่าสุดท้ายมนุษย์ก็จะปรับตัวได้ และรู้จักใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ เพื่อสนองตัณหาของตัวเองเหมือนประวัติศาสตร์ที่แล้วๆมา

จริงหรือมนุษย์ไม่มีประโยชน์แล้ว และ AI จะครองโลกแทน ไม่มีใครรู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆทุกวันนี้ AI เริ่มโกหกมนุษย์เป็นแล้ว มันยอมทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุภารกิจที่มนุษย์ป้อนให้ สุดท้ายต้องถามว่าถ้ากลัว AI จะเป็นภัยคุกคามของมนุษย์ แล้วมนุษย์สร้าง AI ขึ้นมาทำไม?

 มิสแซฟไฟร์

คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม