“เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจ หากพบว่าตำรวจนายใดเข้าไปรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญา สั่งให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ย้ำคดีสั่นสะเทือนตำรวจกรณีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางขนาดใหญ่ทั้ง 3 ลำ ถูกเก็บไว้เป็นเรือของกลางที่ท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ หายไปไร้ร่องรอย

ท่ามกลางความสงสัยของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. รายงานตรงให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ทราบก่อนที่ ผบช.ก.สั่งให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เปิดข้อมูลให้ประชาชนทราบถึงความคืบหน้าต่อเนื่อง ทำทุกอย่างให้โปร่งใส รวดเร็วและตรวจสอบได้ กำชับให้ บก.รน. ชี้แจงทุกประเด็นให้สังคมทราบ ไม่มีปกปิดข่าว ใครผิดรับผิดชอบ

ทำงานอย่าง “มืออาชีพ” ตามแนวทางของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) พล.ต.ท.จิรภพ ส่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ล่าคนร้ายเหิมเกริมเย้ยกฎหมาย

...

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทำงานแข่งเวลา เร่งคลี่คลายข้อสงสัยของสังคม

พล.ต.ท.จิรภพ มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. พ.ต.ท.อาจินต์ วังวรรธนะ รอง ผกก.5 บก.รน.พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน.ส.ต.อ.ธรรมรัตน์ เล็กมนตรา ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน. ส.ต.ท. อภิชาติ จันทร์หนู ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน. มาประจำ ศปก.บช.ก.

พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. รู้ดีว่ากำลังเผชิญกับอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติ ในฐานะผู้นำหน่วย เร่งแก้ปัญหาเอาตัวคนผิดมาดำเนินคดี เพื่อรักษาชื่อเสียงองค์กร ไม่ว่าใครจะเอี่ยว เชื่อมโยงใคร

พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รับผิดชอบ ศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน ได้เร่งรัดผลการตรวจสอบเรื่องราวปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องได้ข้อเท็จจริง

รายงานว่า ช่วงเกิดเหตุมีพายุหนักตำรวจน้ำสัตหีบให้เรือของกลาง 3 ลำ ออกจากชายฝั่ง 100 เมตร เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายท่าเรือ ก่อนมีสายโทรศัพท์ลึกลับคาดว่าเป็นผู้มีอิทธิพล สั่งให้คนบนเรือ นำเรือของกลางออกไปขายน้ำมันเถื่อน 3 แสนลิตรให้กับเรือใหญ่จอดอยู่ในน่านน้ำ ฝั่งประเทศกัมพูชา

สั่งให้นำเรือหลบซ่อน เปลี่ยนสีเรือ หวังตบตาเจ้าหน้าที่หลบหนี เชื่อมโยงนายทุนขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในภาคใต้ ที่หลบหนีหมายจับคดีน้ำมันเถื่อนหลายคดีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

ผบก.รน. ทราบว่า เป้าหมายของเรือมุ่งหน้าไปที่กัมพูชา บินด่วนตรงประสานเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศกัมพูชา อาศัยความสัมพันธ์อันดีกดดันเรือทั้ง 3 ลำให้ออกจากท่าที่ประเทศกัมพูชา เข้าพื้นที่ EEZ เขตเศรษฐกิจจำเพาะ ประเทศมาเลเซีย และประสานเพื่อนบ้านทั้งเวียดนาม มาเลเซีย ช่วยตรวจหาเรือต้องสงสัย

...

ผู้ต้องหาชำนาญเส้นทางนี้ในการนำเรือของกลางออกขายน้ำมันน่านน้ำกัมพูชาไม่ใช้ดาวเทียมนำทาง แต่หลังจากขายน้ำมันแล้วใช้ดาวเทียมนำทางหลบหนี ก่อนถูกจับกุม สอดรับแนวทางสืบสวนพบเรือของกลางอยู่ใน จ.ปัตตานี พื้นที่อิทธิพลนายทุนนํ้ามันเถื่อน ซึ่งน้ำมันที่อยู่ในเรือของกลางหายไป ถูกจำหน่ายออกไปทั้งหมด

หลังจับกุมผู้ต้องหาพร้อมเรือของกลางคืนมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ พ.ต.อ.เอนก นำกลุ่มผู้ต้องหาเข้ามาสอบสวนด้วยตัวเองทันทีเพื่อขยายผลให้ถึงตัวการที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า “พึงพอใจผลสอบปากคำผู้ต้องหาให้การที่เป็นประโยชน์ ยืนยันผู้บงการหรือเจ้าของเรือตัวจริงคือบุคคลเดียวกับที่สื่อนำเสนอ แต่มีผู้ต้องหาบางส่วนเกรงกลัวอิทธิพล ไม่กล้าให้การกลัวครอบครัวได้รับอันตราย สอบปากคำ 3 ใน 8 ผู้ต้องหามีไต้ก๋งเรือรับคำสั่งเจ้าของเรือให้นำเรือออกจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบวันที่ 11 มิ.ย. นำน้ำมันขายให้เรือขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางทะเลรับซื้อน้ำมันจากเรือ 3 ลำ ลูกเรือ 7 คนจากเรือ 3 ลำหนีขึ้นเรือใหญ่ไปด้วย กลุ่มลูกเรือที่เหลือนำเรือ 3 ลำ มุ่งหน้าไปเขมรเปลี่ยนสภาพเรือ ก่อนรับคำสั่งให้ไปที่ จ.ปัตตานี การจับกุมไม่ได้จัดฉาก สร้างภาพหรือประสานผู้บงการส่งมอบ เรือคืนให้เจ้าหน้าที่ ยืนยันคดีทำตรงไปตรงมา ขอเวลาทำงานเร่งสืบสวนขยายผล รู้ตัวละครที่เกี่ยวข้องแล้ว หากเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่คนใดจะดำเนินการแน่นอน”

พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน.กล่าวว่า “จุดประสงค์ที่นำเรือของกลางออกไปดัดแปลงตบตาและหลบหนีการจับกุม นำเรือไปเปลี่ยนสีที่ประเทศกัมพูชา นำน้ำมันออกจำหน่าย ขอบคุณตำรวจกัมพูชาที่สนับสนุนภารกิจช่วยกดดันนำไปสู่การจับกุม ยืนยันคดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ จะดำเนินคดีเด็ดขาดผู้ที่เกี่ยวข้อง หากพบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องจะไม่มีการละเว้น ขอเวลาตำรวจทำงานเชื่อว่าเร็วๆนี้จะคลี่คลายข้อสงสัยของสังคมได้ทุกประเด็น คดีนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เน้นย้ำให้ตรงไปตรงมา

...

เป็นอีกคดีที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนที่มีต่อองค์กรตำรวจไม่น้อย โดยเฉพาะหน่วยงานหลัก ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ที่สร้างความเชื่อมั่นมาอย่างต่อเนื่องต้องมาเสียหายกับตำรวจ “นอกแถว” บางส่วนที่หากินอยู่กับเครือข่ายน้ำมันเถื่อน พล.ต.ท.จิรภพ สั่ง พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ ประสานผู้นำทางทหารประเทศเพื่อนบ้าน กดดันทุกช่องทางติดตามเรือของกลางคืนมา ชี้แจงประเด็นในสังคมได้รับทราบต่อเนื่อง

สถานการณ์วิกฤติทำให้สังคมได้เห็นความเป็นมืออาชีพ “ตำรวจสอบสวนกลาง” ยุค พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ไม่ยอมให้กลุ่มขบวนการนายทุนนอกระบบมีอิทธิพลอยู่เหนือกฎหมาย มีบทบาทอยู่เหนือตำรวจทำทุกทางเพื่อลากตัว “ไอ้โม่ง” มาลงโทษ และกระชากหน้ากากตำรวจที่พัวพันมาลงโทษขั้นเด็ดขาด

เรียกความเชื่อมั่นประชาชนกลับคืนมา.

ทีมข่าวอาชญากรรม

คลิกอ่านคอลัมน์ “แกะรอยสัปดาห์” เพิ่มเติม