โลกได้แต่สวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้า ขอให้มหากาพย์สงครามตะวันออกกลาง คู่กัดระหว่างยิวกับฮามาสยุติถาวรเสียที หลังสังเวยศพไปเป็นเบือ...รวมแรงงานไทยกว่าครึ่งร้อย
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม “ดูไบ” รัฐ 1 ใน 7 ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เปิดตลาดนัดส่งเสริมการขายท่องเที่ยวใหญ่เป็นที่ 3 ของโลก รองจากเบอร์ลินและลอนดอน ด้วยงาน “อาราเบียน ทราเวล มาร์ท” หรือ “เอทีเอ็ม ดูไบ 2024”
งานนี้จัดเป็นปีที่ 31 ตั้งแต่ปี 2537 โดย “ผู้ซื้อ” พบ “ผู้ขาย” จาก 150 ประเทศค่อนโลก น่าเสียดายหลายชาติติดภาวะฆ่ากันจึงปฏิเสธร่วมงานครั้งนี้...เงาสงครามก็อย่างนี้แหละ?
ในเวลาไล่เลี่ยกัน “ประเทศไทย” ก็เพิ่งเปลี่ยนม้ากลางศึก ยกมือวางท่องเที่ยวสาวเจนวาย มิลเลนเนียลเทคโนโลยีสื่อสารสังคมไปแหมะสายวัฒนธรรม แล้วโยกคุณปู่ยุคซิกตี้สายวัฒนธรรมมาแทนที่...ช่างฉ่ำดีพิลึก
...
คุณปู่มีการบ้านที่ครูใหญ่ตั้งโจทย์ให้ท่องเที่ยวปีนี้ต้องได้ 3.5 ล้านล้านบาท ห้ามปล่อยบ้านเมืองหลับใหลต่อกรกับ “โลว์ซีซัน” ไตรมาส 2 และ 3 ช่วงธุรกิจท่องเที่ยวกำลังเดือดร้อน โชคดีที่ไทยมีแผนไปร่วมงานเอทีเอ็ม.ดูไบ จึงเป็นโอกาสช่วยทำการบ้านให้คุณปู่ได้ระดับหนึ่ง
งานนี้อดีตกูรูตลาดท่องเที่ยวทบทวนให้ฟังไว้น่าสนใจ ก่อนปี 2532 ที่ไทยอึ้งฉาวเรื่องเพชรซาอุฯ บรรยากาศท่องเที่ยวย่านนานาเหนือและใต้สุดปัง พัทยาใต้คนทำทัวร์สมัยนั้นเรียกย่าน “เซาท์” ก็บูมไม่แพ้กัน
กูรูขยายความ...ข่าวหนาหูที่เกิดบ่อยครั้งกับตลาดนี้ คือพฤติกรรมท่องเที่ยวเมาหัวทิ่มบ่อ และการซื้อหญิงบริการใช้งานแบบคนอดอยาก นิยมเลือกมวยหมู่หนึ่งชายหลายหญิงพร้อมกัน
“ส่วนน้อยมากันแบบครอบครัวไม่มีปัญหา” กูรูว่า
“พักคอนโดเทลทำอาหารได้ เพราะฮาลาลแท้ๆสมัยนั้นบ้านเรายังไม่มี ผู้หญิงติดขัดเรื่องศาสนา ออกไปไหนทีต้องสวมชุด “ฮิญาบ” สีดำคลุมหน้า ไกด์ถึงเรียกนางว่า “เพนกวิน” ไม่ต่างจากนกเพนกวินลุยทะเลพัทยา
ปี 2532 ตลาดซาอุดีอาระเบียเกิดสะดุดด้วยข่าวน่าบัดสี คนไทยอุตริโจรกรรมเครื่องเพชร “บลูไดมอนด์” ของราชวงศ์ กับคดีอุ้มฆ่าเจ้าหน้าที่สถานทูตในไทย เป็นเหตุให้ซาอุฯตอบโต้ด้วยการลดความสัมพันธ์กับไทยระดับต่ำติดดิน
ลดทัพแรงงานไทย 2 แสนเหลือหลักพันคน ทั้งที่แรงงานไทยเป็นที่ต้องการด้วยคุณภาพเต็มคาราเบล
ซ้ำร้ายห้ามคนของเขาที่เคยมีปีละ 2 แสนคนเลิกมาเที่ยวเมืองไทย... แต่มีบ้างแหละที่แอบใช้ดูไบเป็นทางผ่านตลอดช่วง 30 ปี เมื่อไมตรีไทย-ซาอุฯเป็นสุญญากาศมีค่าเท่ากับศูนย์
พอมาถึงปี 2565 สมัยรัฐบาล 3 ป. ที่ถูกปูนป้ายหัวเป็นพวกอนุรักษ์นิยมได้รื้อฟื้นสัมพันธภาพสำเร็จ ตลาดแรงงานจึงคืนชีพปีที่แล้วทัวร์ซาอุฯคืนกลับ 1.8 แสนคน รายได้ 1.65 หมื่นล้านบาท
ต่อมารัฐบาลที่เขาว่า “หน้าไหว้”...คนไทย “หลังหลอก”...แอบกลืนน้ำลาย ดึงพรรค 3 ลุงลงเรือลำเดียวกันสมอยาก ต่อยอดจะปั้น “ตลาดทัวร์ซาอุฯ” ปีนี้ 3 แสนคน กะฟันรายได้ 2.7 หมื่นล้านบาทเชียว...
เรื่องนี้ชวนอ่านข้อเขียนเรื่อง “ไทย-ซาอุฯ: จากสัมพันธ์แตกร้าวสู่ก้าวย่างแห่งมิตรภาพใหม่” โดย ดร.ศราวุฒิ อารีย์ แห่งสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สรุปประเด็นว่า... “กลางปี 2015 มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งสำคัญในซาอุฯ คือปรับ ครม.เปลี่ยนรัฐบาลผู้อาวุโสระดับสูงสู่คนรุ่นใหม่ แต่งตั้งคนนอกมีความสามารถไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนคนเก่าที่อยู่นานกว่า 40 ปี”
ดร.ศราวุฒิ ให้ข้อสังเกตว่า การเปลี่ยนผู้บริหารย่อมทำให้การมองวิสัยทัศน์เปลี่ยนไป ผู้นำใหม่อาจไม่ให้ความสำคัญกับเหตุเกิดจากไทย แต่ตระหนักถึงประโยชน์ที่จะได้รับมากกว่า...
...
ราคาน้ำมันลดต่ำที่ผ่านมาทำให้ซาอุฯขาดดุลถึง 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนต้องคิด “วิสัยทัศน์ซาอุฯ 2030” ขึ้นมา เพื่อลดพึ่งราคาน้ำมันและหารายได้ทางเศรษฐกิจหลากหลายมากขึ้น
นโยบายนี้บีบให้ต้องเพิ่มการลงทุนต่างประเทศ ถ้าเป็นชาติตะวันออกกลางก็ล้วนมีปัญหาสงครามและความยากจน ยุโรปกับสหรัฐฯก็มีปัญหาก่อการร้าย
จึงต้องเพิ่มสัดส่วนแรงงานหญิงลดอัตราการว่างงาน ส่งเสริมอุตสาหกรรมเหมืองแร่แทนน้ำมันที่มีศักยภาพมากพอ
และจะรับมุสลิมทั่วโลกปีละ 8 ล้านคน ให้ได้ 30 ล้านคน ปี 2030
ขณะเดียวกันจะรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกภายใต้กรอบ “ค่านิยม” และ “ศรัทธา”...ซึ่งแน่นอนที่ไทยเราพึงแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวซึ่งกันและกัน โดยเชื่อคนรุ่นใหม่จะมีพฤติกรรมท่องเที่ยวยุคเท่สมาร์ทไม่เหมือนเก่า หลังรัฐบาลซาอุฯมุ่งสร้างนวัตกรรมสู่สังคมใหม่
นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ชักนำไทยให้ไปร่วมงานเซลล์โปรโมชันดูไบ โดยการนำสินค้าภาคบริการเสนอขาย อาทิ โรงแรม รีสอร์ต บริษัทนำเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว สถานบันเทิง สถาน พยาบาล จากเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ คือ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต กระบี่ สมุย รวม 74 ราย
...
กัลยกร เด็ดขาด เอ็มดี โคโคนัท ทราเวล แอนด์ อีเว้นท์ พัทยา บอกว่า พัทยาไป 12 ราย เป็นโรงแรม สถานบันเทิง ทัวร์มีรายเดียวเพราะผู้ซื้อคุ้นพัทยาดี และการทำตลาดปัจจุบันก็หันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งประหยัดกว่าการเดินทางไปเองหลายเท่า
“ทุกปี...ตลาดดูไบคึกคักมาก” กัลยกร ว่า “มีซาอุฯ โอมาน ดูไบ บาห์เรนและหลายตลาด ปีนี้ขาดอิสราเอล อิรัก อิหร่าน จากภาวะสงคราม ภูเก็ต กระบี่ขายได้ราคาแม้จะโลว์ซีซัน เพราะมิถุนาถึงกรกฎาเป็นพีกโซนนี้ ได้กลุ่มแฟมิลีคุณภาพพักพูลวิลล่าเป็นส่วนตัวตามเทรนด์นิยม
หนุ่มสาวรุ่นใหม่ยังสนใจกรุงเทพฯแล้วเที่ยวทะเลพัทยา รองลงมาเป็นกิจกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สวนนงนุชสลับการดูโชว์รอบๆพัทยาใช้เวลาทัวร์สองอาทิตย์ ส่วนกลุ่มแฟมิลียังติดอยู่กับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วยพัทยาคือ “ฮับ เวลล์เนส ทัวริซึม” ของพวกเขา
...
ด้าน มูซาด โซลิมาน คันทรีเมเนเจอร์ อีอีที โกลบอล รายใหญ่จากตลาดอียิปต์ที่มาร่วมงาน เสริมว่า กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ ป๊อปปูลาร์สำหรับคนอียิปต์ใช้เวลาทัวร์สองอาทิตย์ต่อทริป และกำลังหาพาร์ตเนอร์ บวกโปรแกรมพัทยา เพื่อให้เกิดความหลากหลายเรียกคนมาเที่ยวซ้ำครั้ง
บทสรุปแบบหลับตามูเตลู...กรณีไทยร่วมงานขายหนนี้จะมี “ทัวริสต์ตะวันออกกลาง” และอื่นๆพุ่งสูงขึ้น 1.1 ล้านคน...นี่เป็นข้อมูลที่คุณปู่ซิกตี้จะหยิบเป็นการบ้านส่งครูใหญ่ก็ได้นะ.
คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม