คณะรัฐมนตรีรับทราบ รายงานของ คณะกรรมการวิสามัญที่พิจารณาศึกษาเรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ช่วงต้นเดือนเมษายน 2567

ในเนื้อหารายงานพูดถึงกาสิโนถูกกฎหมาย ในฐานะธุรกิจส่วนหนึ่งใต้ร่มสถานบันเทิงครบวงจรที่รัฐบาลคาดหวังจะผลักดัน ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายจากทั้งประชาชน สส. นักกฎหมาย และนักวิชาการ

เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้กระทรวงการคลังศึกษาความเป็นไปได้ในรายงานฉบับนี้และให้นำมาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน

รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน หนึ่งในผู้ศึกษาเกี่ยวกับกาสิโนถูกกฎหมาย ให้สัมภาษณ์กับ “สำนักข่าวชายขอบ” www.transbordernews.in.th ตั้งคำถามต่อแผนพิจารณาศึกษาในเรื่องนี้เอาไว้หลายแง่มุม

ด้วยว่า...แม้นายกฯและคนในรัฐบาลจะบอกว่าการศึกษาเรื่องนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย แต่สังคมยังมีข้อสงสัยอีกหลายประการที่ยังไม่ได้รับคำตอบ

...

จากการรายงานของสื่อมวลชนและการตั้งคำถามของผู้ใช้สื่อโซเชียลจำนวนมาก มองว่าการศึกษาเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ของรัฐบาลเศรษฐาดูจะมุ่งเน้นเป็นพิเศษในแง่การเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย แต่กลับไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับธุรกิจส่วนอื่นๆ

...ภายใต้นิยามของ “สถานบันเทิงครบวงจร”

ทั้งยังไม่มีการพูดถึงมาตรการที่ชัดเจนในการรับมือหรือป้องกันปัญหาอาชญากรรมหรือธุรกิจสีเทาที่มักจะตามมาหลังมีการเปิดบ่อนถูกกฎหมายซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในหลายประเทศ

คำถามสำคัญมีว่า...จะคุ้มทุนหรือคุ้มค่าหรือไม่? รศ.ดร.นวลน้อย มองว่า รัฐบาลพูดถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้เรื่องสถานบันเทิงครบวงจร มีการอ้างอิงว่าจะประกอบไปด้วยอะไร รัฐบาลอาจจะมองแบบประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศใกล้เราที่ทำเป็นในเชิงเอนเตอร์ เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็คือสิงคโปร์

รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์
รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์

ฉะนั้นสิ่งที่จะต้องดูก็คือว่ามันเป็นแพ็กเกจ แล้วในสิงคโปร์เองก่อให้เกิดการลงทุนใหญ่เพราะเป็นการทำใหม่หมดเลย ทั้งเอนเตอร์เทนเมนต์และกาสิโน แต่กาสิโนในสิงคโปร์เพียงแค่ใช้พื้นที่ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด เพราะฉะนั้นผลสำเร็จตรงนั้นคงไม่สามารถแยกออกจากกันได้ชัดเจน

ทีนี้...ในประเทศไทยเมื่อมีแนวคิดว่าจะทำสถานบันเทิงครบวงจร แต่สิ่งที่ยังพูดกันน้อยมากเลยคือเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์จะมีอะไร อย่างไร และจะทำอะไร แต่ไปคิดเรื่องเดียวคือ “กาสิโน” เลยกลายเป็นว่ากาสิโนเป็นตัวหลัก อื่นๆเป็นตัวรองหรืออย่างไร ก็ยังสับสนอยู่ว่ารัฐบาลจะทำรูปแบบอย่างไร

เพราะว่ารัฐบาลไม่ได้มีแผนหรือทำอะไรเกี่ยวกับเอนเตอร์เทนเมนต์หรืออย่างอื่นเลย แต่เหมือนกับจะให้เอกชนไปวางแผนเอาว่าอย่างไร ในขณะที่อย่างสิงคโปร์เขากำหนดไว้ชัดเจนว่าเขาจะทำสองแผนเท่านั้น เขาเขียนไว้ในกฎหมายเลยเพราะเป็นแผนขนาดใหญ่ของเขา เป็นแผนการลงทุนขนาดใหญ่

แต่ของเรานี่สุดท้ายแล้วไปพูดเรื่องกาสิโน บอกว่าจะเปิดเยอะแยะ โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ชัดเจนนัก

“อย่าลืมว่าในปัจจุบันกาสิโนอย่างเดียวดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศไม่ค่อยได้เท่าไหร่หรอก ต้องมีอย่างอื่น เพราะฉะนั้นความคุ้มทุนหรือไม่ ยังมีองค์ประกอบอีกเยอะ”

...

ประเด็นถัดมา...คำว่าความคุ้มทุนมาจากอะไร เพราะตอนรัฐบาลแถลงก็บอกว่าเพื่อดึงนักท่องเที่ยว แต่ถ้าสมมติว่าไม่ได้จัดการอะไรมากมายแล้ว นักท่องเที่ยวจริงๆจะมาด้วยเหตุผลนี้ก็จะคงไม่ใช่เหตุผลหลัก เพราะฉะนั้นก็กลายเป็นว่าอาจจะเป็นการดึงคนในประเทศแทน...ใช่ไหม

เพราะอีกเหตุผลคือรัฐบาลบอกว่าเรามีเรื่องการพนันนอกกฎหมายเยอะ ก็เลยดูเหมือนว่าจะดึงคนในประเทศ ประเด็นก็คือว่ารัฐบาลเตรียมความพร้อมเรื่องนี้มากแค่ไหน เพราะว่าโดยทั่วไปกาสิโนที่เปิดแล้วมุ่งที่คนในประเทศจะต้องมีการจัดการเรื่องปัญหาที่เป็นผลกระทบจากการพนันเยอะมาก

“ถ้าหากว่าเป็นนักท่องเที่ยว ปัญหาอะไรที่เกิดขึ้น นักท่องเที่ยวก็จะเอากลับไปบ้านตัวเอง เช่น ติดพนัน มีปัญหาเรื่องการเงิน ก็จะเป็นปัญหาที่บ้านตัวเอง แต่ของเราถ้าเราดึงคนในประเทศมาเข้ากาสิโน ปัญหานี้จะเป็นปัญหาภายในประเทศที่เราต้องจัดการ เรื่องพวกนี้จะจัดการอย่างไรภายใต้หนี้ครัวเรือนที่สูงมากๆ”

แล้วไม่นานมานี้...ก็เพิ่งมีผลสำรวจที่บอกว่าคนไทยร้อยละ 80 มีแค่เศษสตางค์ในธนาคาร นึกออกไหม คือสถานการณ์มันดูยากลำบาก ถ้าแผนนี้มีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ...จะทำสำเร็จ ถ้าเราสามารถดึงนักท่องเที่ยวได้ แต่ทีนี้เราประเมินนักท่องเที่ยวผิดหรือเปล่า

ยกตัวอย่างกรณีคิงส์โรมันใน สปป.ลาว ท้ายที่สุดแล้ว...ธุรกิจกาสิโนก็ไม่ได้ดึงดูดคนมากเท่าไหร่ อันนี้ก็น่าสนใจนะ ประสบการณ์จากที่ไปดูเมืองชายแดนหลายที่เงียบเหงามาก ที่จริงก็ไม่ได้ครึกครื้นตั้งแต่เปิดแล้ว แต่ก็ดูแย่ลงเรื่อยๆ คิดว่าอันหนึ่งที่เป็นปัญหาเยอะก็คือจีนเอาจริงเอาจังกับการที่คนของเขาจะมาทำอะไรเรื่องนี้

...

หรือ...ดึงคนของเขาไปทำอะไร หรือใช้แหล่งเหล่านี้เป็นแหล่งที่กลับไปหลอกลวงคนในประเทศจีน เขาเอาจริงเอาจังมาก เพราะฉะนั้นผลของการเอาจริงเอาจังของจีน เราก็เลยได้เห็นว่าสีหนุวิลล์ (ในกัมพูชา) กลายเป็นเมืองร้างโดยทันตาเห็นอย่างรวดเร็ว เพราะจีนเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้

เพราะ...มันสร้างผลกระทบที่ย้อนกลับไปที่เขา

ที่ผ่านมาในเอเชียเวลาที่คาดหวังเรื่อง “รายได้” จากนักท่องเที่ยวก็จะหมายถึงนักท่องเที่ยวจีนแต่ขนาดมาเก๊าก็ยังต้องตัดยุทธศาสตร์ตัวเองเลย ตั้งแต่ที่จีนเริ่มปราบคอร์รัปชันก็ไม่ให้ข้าราชการออกไปมาเก๊าเลย แล้วก็มาจนถึงการปราบปรามคนที่ออกไปเล่นพนันในต่างประเทศ ก็เลยทำให้มาเก๊าเองก็ซบเซาไปเยอะ

ฉะนั้นใครอ้างมาเก๊าต้องไปดูตัวเลขปัจจุบัน ตัวเลขลดลงเยอะมากๆจนต้องปรับยุทธศาสตร์ตัวเองว่าจะเป็นพื้นที่สำหรับการประชุมแทน ไม่ได้พูดเรื่องกาสิโนมากเหมือนในอดีต

หลายครั้งทั้งสื่อไทยสื่อเทศพยายามสะท้อนเรื่องแหล่งการพนันเพื่อนบ้านว่าเป็นการหลอกลวงต้มตุ๋นในธุรกิจสีเทา แต่ไม่ค่อยมีการสนองตอบจากภาครัฐในการแก้ปัญหา คำตอบที่มักจะได้รับก็คือ...พื้นที่นั้นไม่ใช่ประเทศเรา ทั้งๆที่ประเทศเราคือ “ระเบียงอาชญากรรม” ของประเทศพวกนี้ อาจารย์มองมุมนี้อย่างไร?

...

“การที่มีแหล่งอาชญากรรมธุรกิจสีเทารอบบ้านขนาดนี้ การฟอกเงินต่างๆเกิดขึ้นเยอะแยะในประเทศไทย ถ้าสมมติมีธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทยอย่างถูกต้อง สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อก็ให้ย้อนกลับไปดูกาสิโนรอบบ้านเราก่อนที่...เจ๊งระเนระนาดแล้วก็กลายเป็นแหล่งการหลอกลวงเพื่อนบ้าน”

ท้ายสุด...ย้อนกลับมาที่ประเทศไทย ตรงแถวสระแก้วก็เป็นปัญหาเดียวกัน ตึกที่เป็นกาสิโนมีแค่บางชั้นที่ให้บริการ...กลายเป็นออนไลน์ และบางชั้นกลายเป็นสถานที่สำหรับศูนย์แห่งการฉ้อโกงหลอกลวง

“กาสิโนก็เจ๊งได้ แต่การทำเป็นสถานบันเทิงครบวงจร ปัญหาก็ย้อนกลับไปว่าเราจะจัดการยังไงกับปัญหาที่เกิดขึ้นตามมา ยิ่งคุณเฟื่องฟูเท่าไหร่ เงินในกระเป๋าประชาชน โดยเฉพาะคนยากคนจนก็จะหายไปมากเท่านั้น...ไปอยู่ในมือของคนแค่ไม่กี่คน แล้วจะกระตุ้นเศรษฐกิจยังไง”.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม