เรื่องสิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันอาจไม่ได้มีผลต่อสภาพแวดล้อม หรือสุขภาพของชาวบ้านทันทีทันใด?! ถ้าปล่อยปละละเลยทิ้งของเสียไปในธรรมชาติเยอะๆ มันจะมีผลระยะยาว เหมือนที่มนุษย์เพิ่งตื่นตัวหูตาแหกกับปัญหา “โลกร้อน” หลังจากตัวเองทำร้ายธรรมชาติมานานหลายสิบปี?

บ้านเราก็ไม่แตกต่าง ตอนนี้ตำรวจกำลังตื่นตัวเรื่องกากสารพิษ หลังเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมีในบริษัท วิน โพรเสส จำกัด บ้านหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง และโกดังที่ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา

ความเลยแตกกลายเป็นเรื่องใหญ่ งานนี้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะ “นายกฯ เศรษฐา” ที่ให้ความสำคัญ สั่งการให้ตรวจสอบดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาถึงที่สุด

ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐ ที่รู้เห็นเป็นใจปล่อยปละละเลย?

ผู้ช่วยธัชชัยลงไปดูที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง ทั้งใน จ.พระนคร ศรีอยุธยา และ จ.ระยอง แถมยังลงไปดูความเป็นอยู่ชาวบ้านพบว่าในพื้นที่บ้านหนองพะวา จ.ระยอง เริ่มได้รับผลกระทบ มีจุดที่น้ำปนเปื้อนสารเคมีซึมมาที่โรงเรียน หมู่บ้าน และหนองน้ำของชุมชนแล้ว

ระหว่างนั้นตำรวจ สภ.บ้านค่าย อายัดตัว นายโอภาส บุญจันทร์ กรรมการ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด เจ้าของโกดังเก็บสารพิษที่ไฟไหม้ ส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดระยอง พร้อมคัดค้านการประกันตัว

ปรากฏว่า ศาลเห็นพ้องว่าเรื่องนี้เป็นคดีใหญ่ ไม่ให้ประกันส่งตัวเข้าเรือนจำ!

แต่คดียังไม่หยุดแค่นี้ ตำรวจกำลังขยายผลรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่ม พบมีโกดังเก็บสารพิษที่เกี่ยวพันถึง 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา เพชรบูรณ์ พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ชลบุรี และระยอง

...

กลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายนี้ รับจ้างกักเก็บและทำลายกากอุตสาหกรรมเป็นอาชีพ แต่ไม่มีโรงงานทำลาย นำมาหมักหมมไว้ในโกดัง บางครั้งแอบเอาไปทิ้งตามพื้นที่ว่างเปล่าอย่างไร้ความ รับผิดชอบ

เก็บเงินค่าทำลายใส่กระเป๋าตัวเอง!

คิวต่อไปคือเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ ปปป.ต้องขยับแล้วมั้ง เพราะงานนี้ไม่หมูเหมือนล่อจับสินบนแน่นอน?

สหบาท

คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม