กองปราบฯ-ศุลกากร-กระทรวงดีอี-กสทช.จับมือ เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ จุดตั้งซิมบ็อกซ์และเครื่องรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมครั้งประวัติศาสตร์ ตรวจค้น 5 จุด ใน 4 จังหวัด ยึดซิมบ็อกซ์ 102 เครื่อง เครื่องส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตสตาร์ลิงก์ 134 เครื่อง และซิมการ์ดที่ใช้ในหลายประเทศ ทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชียเกือบ 50,000 ชิ้น รวบ 3 เวียดนาม 4 พม่า รวม 7 คน ตัดวงจรภัยคุกคามทางออนไลน์ครั้งใหญ่ “บิ๊กก้อง” แฉหลังประสานเครือข่ายโทรศัพท์ ในไทย ไม่ให้โยงสายอินเตอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แก๊งมิจฉาชีพเดือดร้อนต้องหาสัญญาณอินเตอร์เน็ตมาใช้เอง สั่งเครื่องสตาร์ลิงก์ผ่านไทยเอาไปใช้หลอกลวงเหยื่อ

เจ้าหน้าที่หลายหน่วยจับมือบุกตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้ เปิดเผยที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 พ.ค. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก รอง ผกก.2 บก.ป. และ พ.ต.ท.เจษฎา แก้วจากเครือ รอง ผกก.4 บก.ป. พร้อมด้วยนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ฐานะโฆษกกรมศุลกากร ตัวแทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการทลายจุดตั้งซิมบ็อกซ์ (Simbox) และเครื่องรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (STARLINK) ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

คดีนี้สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ตำรวจกองบังคับการปราบปราม รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่า ตรวจสอบสินค้านำเข้ามาทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบมีการนำเข้าเครื่องส่งสัญญาณโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม สตาร์ลิงก์ 21 เครื่อง และซิมการ์ดกว่า 4 หมื่นซิมที่ใช้ในหลายประเทศ อาทิ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ไต้หวัน และไทย เชื่อว่าซิมเหล่านี้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำมาใช้หลอกลวงผู้เสียหายในประเทศนั้นๆ รวมทั้งต้องสงสัยว่าอาจถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาเบาะแส

...

หลังวางแผนกระจายกำลังเข้าตรวจค้นในพื้นที่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.สระบุรี และ กทม. รวม 5 จุด จับกุมผู้ต้องหารวม 7 คน แบ่งเป็นชาวเวียดนาม 3 คน ประกอบด้วยนายเควือง ทิน บุย (MR.QUANG THIN BUI) อายุ 35 ปี หัวหน้าแก๊ง นายดาร์ เควือน ดอง (MR.DANH QUYEN DUONG) อายุ 35 ปี นายวานา เหงียน อายุ 47 ปี (MR. VANANH NGUYEN) และชาวเมียนมาอีก 4 คน พร้อมยึดของกลาง เครื่องซิมบ็อกซ์ 102 เครื่อง เครื่องรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านระบบดาวเทียมหรือสตาร์ลิงก์ 134 เครื่อง ซิมการ์ดเกือบ 50,000 ชิ้น พร้อมอุปกรณ์กระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ต เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบอีกจำนวนมาก

เป้าหมายสำคัญจุดแรก ที่โกดังเลขที่ 10 หมู่ 8 ต.ไผ่ต่ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี หลังสืบทราบว่าโกดังดังกล่าวเป็นฐานวางเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผลการเข้าตรวจค้น พบอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ 6 เครื่อง เครื่อง กระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตและกล้องวงจรปิดอีกจำนวนหนึ่งตรวจยึดไว้ พร้อมควบคุมตัวชายชาวเวียดนาม 3 คน 1 ใน 3 อ้างว่าเป็นผู้จัดหาห้องเช่าและขอติดตั้งเครือข่ายเครื่องกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตตามจุดต่างๆ อ้างว่ารับจ้างจากบุคคลอื่นมาดำเนินการ เจ้าหน้าที่ต้องขยายผลต่อไป ส่วนชายชาวเวียดนามอีก 2 คน อ้างว่าเป็นเพียงแค่ลูกจ้าง ชุดจับกุมควบคุมตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินคดี

อีกจุดชุดสืบสวน กก.4 บก.ป.เข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย ศุภาลัย มอนเต้ 2 คอนโดมิเนียม ถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง เชียงใหม่ ผลการตรวจค้น พบอุปกรณ์ขยายสัญญาณ อุปกรณ์ต่อพ่วง เครื่องมือรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต วิทยุสื่อสารเครือข่ายข้าราชการกว่า 30 เครื่อง และกุญแจมืออีกกว่า 50 อัน พร้อมคุมตัวชาวเมียนมา 4 คนสอบปากคำ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเตรียมส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อใช้ในฐานเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวน กก.2 บก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอีก 3 จุดในพื้นที่ จ.เชียงราย และ กทม. ตรวจยึดเครื่องส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม 4 เครื่อง ซิมบ็อกซ์ 96 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 18 เครื่อง จอแสดงผล 24 จอ และซิมการ์ดที่ใช้ในฮ่องกงได้อีก 27,019 ชิ้น

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ประเทศไทยเป็นฮับในการสั่งของ และขนส่งอุปกรณ์ผ่านไปยังฐาน การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการจับกุมซิมบ็อกซ์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย หากใช้งานเต็มระบบสามารถโทร.พร้อมกันได้ถึง 3,200 เบอร์ในเสี้ยววินาที หรือวันหนึ่งโทร.ได้นับล้านเบอร์ต่อเนื่อง เชื่อว่าฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่เนื่องจากไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ต้องอาศัยอินเตอร์เน็ตจากประเทศไทย

“ที่ผ่านมาพยายามเจรจากับโอเปอเรเตอร์ให้ยกเลิกการส่งสัญญาณ หรือลากสายอินเตอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้กลุ่มคอลเซ็นเตอร์หันไปใช้สตาร์ลิงก์ซึ่งเป็นระบบอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมแทน แต่ต้องใช้หลายเครื่องพร้อมกันเพื่อให้สัญญาณเกิดความเสถียร เบื้องต้น กสทช.ยังไม่ได้อนุมัติให้นำเข้ามาในประเทศ ส่วนที่ตรวจพบเชื่อว่าน่าจะนำส่งไปยังประเทศที่เป็นแหล่งที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำไปใช้หลอกลวงผู้เสียหาย” ผบช.ก.กล่าว

ด้านนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สั่งการให้กรมศุลกากรเข้มงวดการตรวจสอบสิ่งของนำเข้ามาในประเทศที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง กรมศุลกากรร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าประเทศอย่างละเอียด แม้จะเป็นสินค้าที่ไม่ผิดกฎหมาย เช่น ซิมการ์ด กรณีดังกล่าวตรวจพบการนำเข้าซิมการ์ดจำนวนมาก มีชื่อผู้รับผู้ส่งและปลายทางบริเวณแนวตะเข็บชายแดนของประเทศไทย จึงประสานไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเข้ามาตรวจสอบจนเกิดการจับกุมดังกล่าว และจะดำเนินการขยายผลต่อไป

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

...