ความเห็น พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ เริ่มรณรงค์การ “ปฏิรูปตำรวจ” ให้เป็นรูปธรรม ย้ำว่า เราต้องเชื่อหรือศรัทธาว่าปฏิรูปแล้วตำรวจจะดีขึ้น เป็นเสียงสะท้อนที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ในวงการตำรวจอยากให้ปฏิรูปจริงจังเสียที

หลังความขัดแย้ง “บิ๊กตำรวจ” ที่มีข่าวเสียหายมารายวันมาหลายเดือน ซึ่งทำให้มีผลต่อความเชื่อมั่นและศรัทธาที่พี่น้องประชาชนมีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยสถานการณ์น่าเป็นห่วง

แม้จะมี พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 ออกมา หลายฝ่ายมองว่า เป็นกฎหมายปฏิรูปตำรวจ

ถือเป็นอีกหนึ่งบทกฎหมาย ยาแรงที่ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่นี้กำหนดขึ้นมาเพื่อคุ้มครองตำรวจไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง และให้ผู้บังคับบัญชาไม่ให้ ใช้อำนาจในทางมิชอบ ทำให้ตำรวจทำงานได้อย่างเต็มที่

แต่ปัญหาของตำรวจมีมากกว่านั้น ไม่สามารถเอาตัวบทกฎหมายมากำหนดให้ตำรวจดีขึ้น แม้กฎหมายจะดีแค่ไหน หากตำรวจยังไม่ปลอดการเมืองจริง ไม่ปลอดจากแต่งตั้งที่ใช้อำนาจเงิน ไม่มีทางที่ตำรวจดีขึ้น

จะทำอย่างไรให้กฎหมายที่ดีบังคับใช้ได้ผล คนที่มาบังคับใช้กฎหมายต้องมีคุณธรรม มีความเข้าใจตำรวจ ไม่ใช้กฎหมายในการเข้าข้างตนเองหรือพรรคพวก ไม่แก้กฎ ก.ตร.-ไม่แก้ระเบียบ เพื่อให้ตนเองหรือพวกพ้อง เติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” โดยไม่สนใจความรู้สึกของตำรวจทั่วไปจะได้รับผลกระทบกันอย่างไร

การเจริญเติบโตของตำรวจเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ไม่มีการเปลี่ยนไปมา ชักบันไดหนี เชื่อว่าตำรวจรับได้ เมื่อตำรวจพร้อมทำงานเพื่อให้มีผลงานในการเจริญเติบโตในหน้าที่ สุดท้ายผลประโยชน์ตกอยู่ที่พี่น้องประชาชน
การเมืองควรหันมาใส่ใจในเรื่องสวัสดิการมากขึ้น ลองไปดูเงินเดือน ความเป็นอยู่ว่าเหมาะสมหรือไม่ ทุกวันนี้เหตุเกิดมากมาย น้ำมันรถสายตรวจไม่เพียงพอ รถซ่อมไม่มีงบประมาณ งบพัฒนาตำรวจแทบไม่มี คดีเกิดขึ้นไม่มีเงินตามคดีต้องวิ่งหา “เงินนอก-เงินสีเทา” มาช่วย เพราะถ้าปิดคดีไม่ได้ ถูกสังคมเข้ามากดดัน นายไล่กดดันซ้ำอีก

...

ตำรวจทำงาน 24 ชม. วันหยุดเทศกาลไม่เคยได้เบี้ยเลี้ยง ไม่เหมือนหน่วยงานอื่นๆ ถ้าตรวจสอบแล้วจริงควรแก้ไข รัฐบาลลงทุนด้านความปลอดภัยไปเพียง 10 บาท แต่จะหวังผลในราคา 100 บาท คงเป็นไปไม่ได้
หากแก้ปัญหาทั้งระบบทั้งโครงสร้าง งบประมาณ การเจริญเติบโตหน้าที่การงาน ตำรวจจะดีขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับตำรวจในความขัดแย้งที่สังคมเห็นล้วนมาจากสิ่งที่หมักหมมมานาน กลายเป็นเชื้อปะทุในยุคปัจจุบัน

ทำให้สังคมไม่เชื่อมั่นตำรวจอย่างที่เป็นในปัจจุบัน ถึงเวลาที่ต้องแก้ทั้งระบบ ไม่ใช่แก้แค่ปรับแก้กฎหมาย ผู้มีอำนาจต้องเอาความจริงมาพูดกัน ดูแลสวัสดิการ ความเป็นอยู่ การเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน

ต้องรีบทำก่อนที่จะสายเกินแก้.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ "เลขที่1 วิภาวดีฯ" เพิ่มเติม