“เสี่ยเจษฎา” เจ้าของบริษัท เจ แอนด์ บี เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีกากแคดเมียมจากตำรวจ บก. ปทส.แล้ว เบื้องต้นโดน 4 คดี 2 ข้อกล่าวหา ยันประมูลกากแร่ 13,800 ตันมาถูกต้อง เป็นเงิน 10 ล้านบาท มีเอกสารขนย้ายเตรียมส่งไปขายให้โรงงานแยกแร่ที่ สปป.ลาว แต่สถานที่จัดเก็บไม่เพียงพอเลยกระจายไปตามโกดังต่างๆ ต่อมาหมุนเงินไม่ทันตัดสินใจขายบางส่วน รับผิดข้อตกลงที่ต้องเอาไป กำจัดเท่านั้น เชื่อกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะคู่แข่งอีก 4 บริษัทประมูลไม่ได้ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประสาน ป.ป.ท.แลกเปลี่ยนข้อมูล แก้ปัญหาการลักลอบทิ้งกากสารพิษทั้งระบบ พร้อมส่งทีมตรวจสอบบ่อกลบฝังจุดเดิมที่ จ.ตาก หลังชาวบ้านต่อต้านหนัก ตรวจสอบพบมีรอยรั่วหลายแห่ง สั่งเร่งซ่อมแซม แต่ดีเดย์ขนย้าย 7 พ.ค. ยังเหมือนเดิม เตรียมสถานที่พักรอพื้นที่ 2,000 ตร.ม.ไว้แล้ว
กรณีพบสารแคดเมียมหลายจุดทั้งใน จ. สมุทรสาคร จ.ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร ตรวจสอบพบถูกนำมาจากบ่อกลบฝังใน จ.ตาก จำนวน 15,000 ตัน สร้างความหวาดผวาให้สังคม มีผู้รับพิษจากแคดเมียมเกินค่ามาตรฐานนับสิบราย ความคืบหน้าจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 เม.ย. พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส.เผยถึงกรณีนายเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย กรรมการบริษัทเจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ภรรยาพร้อมทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ตั้งแต่เวลา 08.30 น.
พล.ต.ต.วัชรินทร์เผยว่า จากการคุยนอกรอบนายเจษฎาเปิดเผยเบื้องต้นว่า การซื้อขายกากแคดเมียมมีการทำสัญญากับบริษัทเบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด ขายให้ตามน้ำหนักกิโลกรัมละ 1.25 บาท ในสัญญาบริษัทเจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด เป็นผู้ซื้อรับไปกำจัด นายเจษฎายอมรับว่า ตอนแรกพยายามส่งออกไปหลอมที่ สปป.ลาว มีคนจีนรอรับซื้อ มีบริษัทที่สามารถแยกแคดเมียม ทองแดง และสังกะสีได้ แต่ปรากฏว่า ก่อนหน้ามีชายชื่อนายจางติดต่อมาซื้อกากแคดเมียม 5 พันตัน จึงขายให้กิโลกรัมละ 8.25 บาท นายจางส่งรถมารับเพื่อนำไปไว้ที่ จ.ชลบุรี หลังจากนั้นพบว่า
...
นายจางพยายามขายต่อให้คนอื่นอีกทอด แต่ไม่ให้นายเจษฎารู้ว่าขายให้ใคร ส่วนลอตที่จะส่งไปลาวยังไม่ได้ตกลง “การที่บริษัทเจ แอนด์ บี เมททอล นำไปขายต่อถือว่าผิดวัตถุประสงค์ในสัญญาซื้อขาย เพราะบริษัทมีใบอนุญาตกำจัด และสัญญาซื้อขายระบุว่า ซื้อมากำจัด นายเจษฎาให้ดูรูปยืนยันว่า มีเครื่องมือกำจัดซื้อมาจากประเทศอังกฤษ แต่ตอนนี้เครื่องมืออยู่ระหว่างซ่อมแซมทำให้ไม่สามารถกำจัดได้ พนักงานสอบสวนต้องตามไปดูเครื่องจักร แต่เชื่อว่าวัตถุประสงค์ที่ซื้อมาจากบริษัทเบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด เพื่อขายต่อมากกว่ากำจัดแน่ ส่วนที่บริษัทเจ แอนด์ บี เมททอล ต้องนำกากแร่ไปฝากโกดังอื่นที่พบก่อนหน้านี้ นายเจษฎาให้การว่าที่จัดเก็บไม่เพียงพอต้องนำไปจัดเก็บที่อื่น ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ จำเป็นต้องสอบในทางลึกอีกที” ผบก.ปทส.กล่าว
ถามว่าตรวจสอบบริษัทเบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด พบความผิดบ้างหรือไม่ พล.ต.ต.วัชรินทร์เผยว่า บริษัทต้นทางต้องรับผิดชอบตามประกาศกระทรวงปี 66 และผู้ก่อมลพิษต้องรับผิดชอบหากก่อมลพิษ ส่วนการขนย้ายยังไม่พบว่าบริษัทเบาด์ แอนด์ บียอนด์ มีความผิดในตอนนี้ เพราะในสัญญาซื้อขายระบุชัดว่า ให้บริษัทเจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด รับผิดชอบทั้งหมด ทั้งเรื่องประสานงานเจ้าหน้าที่ การขนย้าย การขอ EIA ผู้ขายจะไม่รับผิดชอบ ให้วางเงินมัดจำไว้ประมาณ 10 ล้านบาท หากมีความเสียหาย ส่วนข้อสังเกตว่า บริษัทเบาด์ แอนด์ บียอนด์ ฝ่าฝืน EIA หรือเปล่าเนื่องจากขุดกากแร่ขึ้นมา พล.ต.ต.วัชรินทร์บอกว่า ตำรวจยังไม่ได้ดู เพราะเป็นเรื่องของกรมควบคุมมลพิษ
“วันนี้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหานายเจษฎา 4 คดี 2 ข้อหา 1.ข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย โดยไม่ได้รับอนุญาต และ 2.ข้อหาเป็นผู้รับมอบให้กำจัดวัตถุอันตราย แต่ไม่กำจัดภายใน 30 วัน” ผบก.ปทส.กล่าว
หลังสอบปากคำเวลา 11.30 น. นายเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย ออกมาเปิดเผยว่า ตนทำสัญญาเพื่อซื้อแร่ สังกะสีและทองแดง แต่มีกากแร่แคดเมียมปะปนมา ซื้อมาเพราะโรงงานต้นทางที่ถลุงแร่ฝังกลบ โรยปูนขาว และปูนพอตแลนด์ ทำให้ปริมาณความเข้มข้นกากแร่แคดเมียมลดลงสามารถซื้อขายได้ กากแร่ที่ครอบครองทั้งหมด 13,800 ตัน มีแคดเมียมผสมอยู่เพียง 38 เปอร์เซ็นต์ จากที่กรมวิทยาศาสตร์นำแร่ในโรงงานไปตรวจ ไม่ใช่แคดเมียมบริสุทธิ์ ยืนยันไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ เพราะที่อันตรายต่อมนุษย์ต้องสูงถึง 100-150 เปอร์เซ็นต์ สื่อหลายสำนักนำเสนอทำให้เข้าใจผิดถึงโทษ และพิษภัยกากแคดเมียมรุนแรงเกินจริง ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
ส่วนคนในโรงงานและคนรอบโรงงานออกมาบอกว่าได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ นายเจษฎา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องไปตรวจสอบโรงงานรอบๆด้วย ตนได้กากแร่แคดเมียมมาจากการประมูล 8 ล้านบาท มีโรงงานอื่นร่วมประมูลด้วย 4 โรงงาน ตนต้องการแร่ทองแดงนำไปขายต่อกิโลกรัมละ 300 กว่าบาท ส่วนสังกะสีกิโลละ 120 บาท ไม่ต้องการแร่แคดเมียม แต่มันผสมมาด้วยจึงต้องนำไปคัดแยก ส่วนที่นำไปขายเพราะหมุนเงินไม่ทันต้องนำไปขายบ้าง ส่วนปริมาณที่นำมาตอนแรก 13,800 ตัน แต่พบเพียง 12,000 กว่าตัน เพราะตอนแรกนำมามันเปียก เมื่อกากแร่แห้งลงปริมาณจึงลดลง ส่วนที่บอกว่าจะนำไปจำหน่ายต่อที่ สปป.ลาว ตอนนี้กำลังดำเนินเรื่องอยู่
“กระบวนการทุกอย่างตั้งแต่ต้นทาง จ.ตาก มาจนถึง จ.สมุทรสาคร ถูกต้องทุกอย่างทั้งเอกสาร และในส่วนที่ต้องกระจายไปยังโกดังอื่น เพราะได้มาจำนวนมากพื้นที่ตนไม่พอ ตอนนั้นต้องขายไปเพราะต้องการนำเงินมาหมุน ยอมรับว่าผิดสัญญาว่า นำมาเพื่อกำจัดแต่กลับนำไปขาย ผมไม่ใช่นอมินีทุนจีน ผมเป็นคนไทยเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งจากคนที่ประมูลไม่ได้” นายเจษฎากล่าว ทั้งนี้ หลังให้ปากคำ เสร็จสิ้นก็เดินทางกลับไปทันที
...
ที่ จ.สมุทรสาคร วันเดียวกัน นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) สมุทรสาคร และนายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาครรับมอบหมายจากนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นำคณะเจ้าหน้าที่จาก ทสจ.สมุทรสาคร ประมงจังหวัดสมุทรสาคร ศูนย์วิจัยและพัฒนาทะเลประมงทะเลสมุทรสาคร ศูนย์วิจัยและพัฒนาทะเลประมงทะเลสมุทรปราการ ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างสัตว์น้ำในคลองใกล้บริษัทเจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด หมู่ 2 ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร เริ่มจากบริเวณต้นคลองหลวงเดิมบาง (หน้าวัดโพธิ์แจ้) ต.บางน้ำจืด ทั้งจับปลาในคลองไปแช่แข็งนำชิ้นเนื้อไปตรวจหาสารแคดเมียม พร้อมตรวจวัดคุณภาพน้ำบริเวณดังกล่าวพบมีค่าออกซิเจนต่ำ แต่ค่าความเป็นกรด -ด่างอยู่ในเกณฑ์ปกติ
นายวัฒนากล่าวว่า การลงพื้นที่เก็บตัวอย่างสัตว์น้ำและตรวจวัดคุณภาพน้ำหาสารแคดเมียมที่อาจปนเปื้อนในน้ำและสิ่งแวดล้อม ก่อนหน้านี้สำนักสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ จ.สมุทรสาคร เก็บตัวอย่างฝุ่นละอองในอากาศ น้ำ และสิ่งแวดล้อมไปตรวจ ผลไม่พบสารแคดเมียมทั้งในน้ำและสิ่งแวดล้อมนอกโรงงาน มีแต่บริเวณด้านหน้าโรงงานเท่านั้น ส่วนนายเผดิม รอดอินทร์ กล่าวว่า เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนบริเวณรอบโรงงาน กรมควบคุมมลพิษร่วมกับกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาลงพื้นที่อีกครั้งวันนี้เพื่อเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำไปตรวจหาการปนเปื้อนสารแคดเมียม คาดว่าภายใน 3-4 วันผลจะออก
ต่อมานายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปยังบริษัทเบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 94 หมู่ 1 ถนนพหลโยธิน ต.หนองบัวใต้ อ.เมืองตาก แหล่งกักเก็บกากอุตสาหกรรมแคดเมียม เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาสถานที่จัดเก็บ กรณีชาวบ้าน ต.หนองบัวใต้ อ.เมืองตาก ออกมาเคลื่อนไหว คัดค้านการนำสารแคดเมียมกลับมายังถิ่นกำเนิด และเฝ้าระวังการนำสารแคดเมียมกลับมาที่จังหวัดตาก พร้อมเป็นประธานประชุม 6 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข ดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ห้องประชุมตากสินมหาราช ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตาก
...
นายณัฐพลเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่กรมอุตสาหกรรมพร้อมคณะลงพื้นที่ดูความพร้อมนำกากแคดเมียมกลับมาเก็บที่สถานประกอบการเดิม จ.ตาก ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงบ่อกักเก็บกลางวิตกกังวล กลัวมลภาวะเป็นพิษไม่ว่า น้ำ อากาศ และสิ่งแวดล้อม เรื่องบ่อที่กักเก็บรั่วซึมและสถานที่พักแร่หลังคามีรอยรั่วหลายแห่ง อาจทำให้น้ำฝนปนเปื้อนไหลลงสู่แหล่งน้ำ ชาวบ้านหนองบัวใต้ยังไม่มั่นใจจึงคัดค้าน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้บ่อกักเก็บกากอุตสาหกรรมสบายใจ โดยเฉพาะบ่อ 5 ที่ขนย้ายกากแคดเมียมออกไปหมดแล้วพบว่ามีรอยร้าวชำรุดหลายแห่ง ต้องใช้เวลาซ่อมแซมไม่ให้น้ำปนเปื้อนไหลลงสู่ใต้พื้นดิน 2 แนวทางคือ 1.ใช้ปูนนอนชริงเกราท์ซ่อมแซมและเทเพื่อเติมเต็มช่องว่างคอนกรีต การเทเพื่อเติมเต็มจุดที่เกิดรูหรือโพรง เนื่องจากไหลตัวดีเข้าไปเติมเต็มจุดเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.แนวทางเทปูนซีเมนต์ใหม่ทั้งหมดทับของเดิม หรืออาจรื้อทำใหม่ แนวทางนี้ต้องใช้เวลามาก
“ระหว่างรอการซ่อมแซมบ่อกักเก็บจะนำกากอุตสาหกรรมแคดเมียมทั้งหมดที่ขนย้ายตามกำหนดวันที่ 7 พ.ค. มาเก็บพักรอไว้ที่อาคารพักคอย เป็นอาคารขนาดใหญ่มีหลังคามิดชิดพื้นที่กว้างประมาณ 2,000 ตารางเมตร เพียงพอต่อการกักเก็บสารทั้งหมด เมื่อบ่อกักเก็บซ่อมแซมแล้วเสร็จจะฝังกลบตามมาตรฐานต่อไป” ปลัด ก.คลังกล่าว
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่