“อาม่าฮวย” เฮ ศาลฎีกาตัดสินคดีฟ้องลูกสาวในไส้ลักทรัพย์บุพการีกว่า 24 ล้านบาท ยืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่สั่งจำคุก 12 ปี มาตลอด “ทนายอนันต์ชัย” เผยหลังรู้คำตัดสินอาม่าดีใจมาก แจงยังมีคดีฟ้องลูกสาวร่วมกับพนักงานแบงก์ปลอมเอกสารและลักทรัพย์เงินในบัญชีธนาคาร 2 สาขากว่า 250 ล้านบาท คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ แต่เบาใจได้เพราะธนาคารเอาเงินมาวางศาลแล้วเกือบ 200 ล้านบาท ยังไงอาม่าได้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ยแน่

ที่ศาลอาญาพระโขนง เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 เม.ย. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนางฮวย ศรีวิรัตน์ หรืออาม่าฮวย อายุ 86 ปี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บุตรสาว นางมาวดี ศรีวิรัตน์ อายุ 57 ปี จำเลย ข้อหาลักทรัพย์บุพการี ในบัญชีของนางฮวยกว่า 24 ล้านบาท และถ่ายโอนทรัพย์สินอื่นๆ ขณะที่นางฮวยนอนพักฟื้น รักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาล เหตุเกิดเมื่อปี 2560 (คนละสำนวนกับคดีร่วมกับเจ้าหน้าที่ธนาคารปลอมเอกสารลักทรัพย์ 250 ล้านบาท)

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ตามฟ้องสั่งจำคุก 12 ปี ไม่รอลงอาญา ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุก 12 ปี แต่จำเลยยื่นฎีกาต่อ นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ มีนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของอาม่าฮวย เดินทางมาศาล ศาลฎีกาพิพากษาใจความบางส่วนว่า มีปัญหา ข้อกฎหมายว่า คดีลักทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 334-335 หากกระทำต่อบุพการีให้เป็นความผิดที่ยอมความได้ เพราะกฎหมายต้องการให้คดีที่เป็นความผิด ในครอบครัวได้ผ่อนปรนลง จำเลยฎีกาว่า คดีขาดอายุความร้องทุกข์ เห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องอย่างชัดเจนว่า ตรวจสอบพบเรื่องนี้เมื่อเดือน พ.ค.2563 ไปยื่นฟ้องเอง เมื่อเดือน มิ.ย.63 ผู้เสียหายร้องทุกข์ใน 3 เดือนนับแต่ รู้เรื่องรู้ตัวผู้กระทำความผิด การร้องทุกข์จึงชอบด้วย กฎหมายแล้ว และยังเคยร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข ในกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว

...

แม้ความผิดที่ได้รับประโยชน์ตามมาตรา 71 วรรคสอง ศาลจะลงโทษน้อยลงเพียงใดก็ได้ แต่ศาล ฎีกาเห็นว่าโทษที่ศาลล่างลงโทษจำคุก 12 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าเหมาะสมแล้ว ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง พิพากษายืน จากนั้นศาลอาญาพระโขนงออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด ส่งตัวนางมาวดี ศรีวิรัตน์ เข้าเรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานครทันที (แดนแรกรับก่อนแยกส่งไปรับโทษที่แดนคดีเสร็จเด็ดขาดต่อไป)

หลังฟังคำพิพากษานายอนันต์ชัยเผยว่า จำเลยขอต่อสู้ในข้อกฎหมาย ประเด็นว่าคดีลักทรัพย์บุพการีเป็นคดียอมความได้ รวมถึงต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน ทางอาม่าฮวยร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน คดีไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือพิจารณาแล้ว พิพากษายืนจำคุกนางมาวดี 12 ปี โดยไม่รอลงอาญา ถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ไม่เคยมีฎีกามาก่อนในคดีเกี่ยวกับการลักทรัพย์บุพการี ที่ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน ได้แจ้งผล คำพิพากษาให้แก่นางฮวยทราบแล้ว นางฮวยดีใจมาก และไม่กังวลใดๆ

“คดีทั้งสองคดีเป็นคดีที่คลาสสิกมากทางการนำสืบและการอ้างพยาน การค้นคว้าพยานเอกสารพยานบุคคล ในส่วนของคดีแพ่งทางธนาคารนำเงินมาวางไว้ที่ศาลประมาณเกือบ 200 กว่าล้านบาท เราสบายใจแล้วเพราะในส่วนดอกเบี้ยก็เดินไปเรื่อยๆ คดีแพ่งอยู่ระหว่างอุทธรณ์ แต่เงินอยู่ที่ศาลยังไงเราก็ได้เงินอยู่แล้ว ในส่วนคดีอาญาอีกคดีที่มีการฟ้อง พนักงานธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล อุทธรณ์” ทนายอนันต์ชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนางมาวดีถึงที่สุดในวันนี้ ยังมีคดีที่ ศาลอาญาพระโขนงคดีหมายเลขดำที่ 3228/2562 พนักงานอัยการและนางฮวยเป็นโจทก์ร่วมฟ้องนางมาวดีกับพวกพนักงานธนาคารรวม 5 คน เป็นจำเลย ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ลักทรัพย์ จากธนาคาร กสิกรไทย จำกัด สาขาสุขุมวิท 101 และสาขาถนน ศรีนครินทร์ กม.9 มูลค่าความเสียหายกว่า 250 ล้านบาท ศาลอาญาพระโขนงพิพากษาจำคุก จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมและ ลักทรัพย์ ทั้ง 2 ข้อหารวม 84 กระทง คงจำคุกจริง รวม 20 ปี และใช้เงินคืนแก่โจทก์ 123 ล้านบาท จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา จำเลยที่ 2 3 และ 5 ยกฟ้อง คดียังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่