ภัยสุขภาพ “คนไทย”...รอบตัวมีมากมายหลากหลาย ต้องรู้เท่าทัน เตรียมพร้อมป้องกันให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อรับมือ
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ หยิบยกกรณี “ฝีในตับจากพยาธิใบไม้ในตับฟาสซิโอลา” ด้วยว่า...ผู้ป่วยชาย อายุ 64 ปี เป็นโรคเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง มาตรวจสุขภาพประจำปี ไม่มีอาการ ไม่มีไข้ ไม่ปวดท้อง ไม่คลื่นไส้ ไม่อาเจียน กินอาหารได้ปกติ น้ำหนักไม่ลด
ผู้ป่วยกินพืชน้ำ เช่น สายบัว ผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักแว่น ตะไคร่น้ำ กินสดๆเป็นประจำโดยไม่ได้ปรุงให้สุกก่อน ไม่กินปลาน้ำจืดที่สุกๆดิบๆ เช่น ก้อยปลา ปลาร้าดิบ
ตรวจร่างกาย ไม่มีไข้ ไม่เจ็บใต้ชายโครงข้างขวา ตับไม่โต ไม่มีตัวเหลืองตาเหลือง
เจาะเลือดพบจำนวนเม็ดเลือดขาว 8,500 เซลล์ เป็นเซลล์ชนิด eosinophil สูงถึง 37% (ปกติไม่เกิน 5%) ค่าเอนไซม์ตับปกติ ค่ามะเร็งทุกตัวปกติ ตรวจเลือดไม่พบพยาธิสตรองจิลอยด์แอนติบอดี ตรวจอุจจาระไม่เจอพยาธิและไข่พยาธิ...
...
ทำอัลตราซาวนด์ของตับพบก้อนขนาด 1.9×1.2 เซนติเมตร และ 0.9× 0.8 เซนติเมตรในตับข้างขวา ปีที่แล้วทำอัลตราซาวนด์ไม่พบก้อนในตับ...ทำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI ของตับพบก้อนขนาด 2.8×2.4×2.1 เซนติเมตรและ 4.5×3.1×3.3 เซนติเมตรในตับข้างขวา
เจาะชิ้นเนื้อตับส่งตรวจพยาธิวิทยา พบฝีในตับประกอบด้วยเม็ดเลือดขาวชนิด eosinophil ไม่พบพยาธิ ไข่พยาธิ หรือมะเร็ง คุณหมอวินิจฉัย...ฝีในตับสงสัยเกิดจากพยาธิใบไม้ในตับฟาสซิโอลา มากกว่าจากพยาธิใบไม้ในตับโอพิสธอร์คิส ส่งเลือดตรวจหาแอนติบอดีต่อพยาธิใบไม้ในตับฟาสซิโอลา
ประเด็นน่าสนใจมีอีกว่า...ยาหลักใช้ในการรักษาพยาธิใบไม้ในตับฟาสซิโอลาคือไตรคลาเบนดาโซล ยาตัวนี้เคยมีในประเทศไทยแต่ปัจจุบันหาซื้อที่ไหนก็ไม่ได้ ได้ฝากคนไข้ของผมชาวกัมพูชาซื้อจากร้านขายยาในประเทศกัมพูชา ยาผลิตในประเทศอินเดีย 1 กล่อง ราคาไม่แพง 300 บาท มี 4 เม็ด
ให้กินยา 2 เม็ดครึ่ง พร้อมอาหาร 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 5 เม็ด ไม่มีผลข้างเคียงหลังกินยา...แนะนำคนเหนือและคนอีสานให้ปรุงพืชน้ำ เช่น สายบัว ผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักแว่น ตะไคร่น้ำให้สุกก่อนรับประทาน ไม่ควรทานสดๆ เพราะพืชน้ำเป็นตัวนำพยาธิใบไม้ในตับเข้าร่างกาย
“เมื่อกินเข้าไป พยาธิตัวอ่อนจะไชทะลุผ่านผนังลำไส้เล็กส่วนต้นเข้าสู่ช่องท้อง แล้วไชทะลุเข้าเนื้อตับไปเจริญเป็นตัวแก่ในท่อน้ำดีต่อไป”
นพ.มนูญ บอกอีกว่า ช่วงนี้ “ไรโนไวรัส” กำลังแพร่ระบาดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ รองจากไวรัสโควิดและไข้หวัดใหญ่ ที่น่าแปลกคือ ไรโนไวรัสไม่ใช่เล่นงานแต่ทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้ป่วยเป็นโรคหวัดธรรมดาเหมือนแต่ก่อน ปัจจุบันไรโนไวรัสมีความรุนแรงมากขึ้น บางคนไอมากจนนอนไม่ได้ บางคนตาแดง
...บางคนเชื้อไรโนไวรัสเล่นงานทางเดินหายใจส่วนล่างลงหลอดลมและลงปอดทำให้เกิดปอดอักเสบได้
ผู้ป่วยหญิง อายุ 90 ปี มีไข้ น้ำมูก เจ็บคอ ไอมาก มีเสมหะ 5 วัน ไม่เหนื่อย อยู่ใกล้ชิดกับลูกชาย อายุ 7 ปี ป่วยเป็นไข้หวัด ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว ความดัน ไขมัน โรคไตเสื่อม ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่...ตรวจร่างกาย อุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส ระดับออกซิเจนปกติ 96% ฟังปอดปกติ ส่งตรวจรหัสพันธุกรรม 22 สายพันธุ์
พบเชื้อไรโนไวรัสเพียงตัวเดียว...เอกซเรย์ปอดพบฝ้าขาวที่ปอดด้านขวาล่าง...เจาะเลือด เม็ดเลือดขาวปกติ ส่งเพาะเชื้อในเลือดไม่ขึ้นเชื้อแบคทีเรีย วินิจฉัย...ปอดอักเสบจากเชื้อไรโนไวรัส
ให้ยาสเตียรอยด์ขนาดต่ำๆ 5 วัน ผู้ป่วยดีขึ้น ไม่มีน้ำมูก ไม่เจ็บคอ ไม่มีไข้ ไอลดลง เอกซเรย์ปอดฝ้าขาวลดลง นอนในโรงพยาบาลทั้งหมด 5 วัน ติดตามหลังจากออกจากโรงพยาบาล 5 วัน ไอน้อยลงมาก เอกซเรย์ปอดฝ้าขาวด้านขวาล่างลดลงอีก
...
ให้รู้ต่อไปอีกว่า “ไรโนไวรัส” เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัดธรรมดา มีสายพันธุ์ย่อยมากกว่า 165 สายพันธุ์ ไม่มีวัคซีนป้องกัน เป็นแล้วเป็นอีกได้ รักษาตามอาการ บางคนติดเชื้อไรโนไวรัส อาการหนักได้...
อีกกรณีตัวอย่าง ผู้ป่วยหญิง อายุ 40 ปี แข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว มีลูก 2 คน วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ลูกคนโตอายุ 3 ขวบครึ่ง มีไข้สูง 39.7 องศาเซลเซียส ไอ มีเสลด มีน้ำมูก ตาบวม แยงจมูกส่งตรวจรหัสพันธุกรรม 22 สายพันธุ์ พบ “ไรโนไวรัส” เพียงตัวเดียว นอนรักษาในโรงพยาบาล 1 วัน ดีขึ้นเร็ว
“เด็กคงติดไรโนไวรัสจากเพื่อนในโรงเรียน เพราะที่โรงเรียนแจ้งว่า มีเด็กในห้องเรียนป่วยเป็นไรโนไวรัสมากกว่า 10 คน”...วันที่ 19 กุมภาพันธ์ สองวันหลังจากลูกป่วย ผู้ป่วยเริ่มมีไข้สูง 39.2 องศาเซลเซียส เจ็บคอมาก ไอมีเสมหะ มีน้ำมูกมาก ปวดเนื้อปวดตัว ตาแดงทั้ง 2 ข้าง วันที่ 23 กุมภาพันธ์ แยงจมูกส่งตรวจรหัสพันธุกรรม 22 สายพันธุ์ พบ “ไรโนไวรัส” ตัวเดียวกับลูก ได้ยารักษาตามอาการ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์...ถัดมาแปดวันหลังเริ่มป่วย ยังไอ มีเสมหะมากจนนอนไม่ได้ เจ็บคอ หนังตาทั้ง 2 ข้างบวม ตายังแดง...ตรวจร่างกายไม่มีไข้ ระดับออกซิเจนในเลือด 98% ตาแดง เยื่อบุตาขาวทั้ง 2 ข้างอักเสบ หนังตาบวมทั้ง 2 ข้าง คอแดงเล็กน้อย ฟังปอดปกติ เอกซเรย์ปอดปกติ
...
วินิจฉัย...ติดเชื้อไรโนไวรัสวันที่ 8 แล้ว อาการยังค่อนข้างมาก ให้ยาสเตียรอยด์ ยา Singulair (montelukast) ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก ไปกินที่บ้าน...ติดตาม 1 สัปดาห์ อาการทุกอย่างดีขึ้นเหลือแต่เจ็บคอเล็กน้อย ...ผู้ป่วยเคยติดไวรัสโควิด 1 ครั้ง อาการครั้งนั้นยังไม่หนักเท่ากับป่วยเป็นไข้หวัดจากเชื้อไรโนไวรัสครั้งนี้
ภัยสุขภาพคนไทยรอบตัวเป็นเช่นนี้ควรที่จะต้องติดตามข้อมูลระบาดวิทยา รู้ทันว่า มีโรคไวรัสอะไรระบาดบ้าง...ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา นพ.มนูญ บอกว่า เรา (โรงพยาบาลวิชัยยุทธ) ติดตามโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไรโนไวรัส, อาร์เอสวี, ฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส
พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดลดลงเหลือ 235 ราย...พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เดือนที่แล้วลดลงเหลือ 145 ราย...เชื้อไรโนไวรัสพบ 17 ราย...เชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัสลดลงเหลือ 10 ราย...เชื้ออาร์เอสวีลดลงเหลือ 4 ราย
พบโรคไข้เลือดออกที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกีลดลงเหลือ 13 ราย...ไม่พบโรคชิคุนกุนยาหรือไข้ปวดข้อยุงลาย...โรคไวรัสโนโรและโรตาทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เดือนที่แล้วพบโนโรไวรัสยังสูง 29 ราย พบโรตาไวรัส 2 ราย
...
น่าสนใจว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ไรโนไวรัส ไข้เลือดออก และโนโรไวรัสยังมีต่อเนื่อง...ไวรัสโควิด-19 ยังแซงหน้าไวรัสไข้หวัดใหญ่ ส่วนไวรัส hMPV และ RSV ลดลงต่อเนื่อง ช่วงนี้แนะนำคนทั่วไปยกเว้นบุคลากรทางการแพทย์ หากป่วยด้วยโรคโควิด-19 ถ้าไม่มีไข้ 1 วัน โดยไม่ได้กินยาลดไข้ อาการดีขึ้นมากหรือไม่มีอาการเลย สามารถออกนอกบ้าน ไปทำงาน ไปเรียนหนังสือได้ ไม่จำเป็นต้องกักตัว 5 วัน
แต่...ยังต้องใส่หน้ากากอนามัยต่ออีก 5 วัน หมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง เวลามือเปื้อนน้ำมูกละอองเสมหะ เพื่อลดการแพร่เชื้อโรคไวรัสทางเดินหายใจให้ผู้อื่น บุคลากรทางการแพทย์ยังต้องหยุดงานกักตัวที่บ้านอย่างน้อย 5 วัน คนทั่วไปควรใส่หน้ากากเวลาอยู่ในสถานที่แออัดอากาศถ่ายเทไม่ดีและในสถานพยาบาล
สำหรับเดือนมีนาคม 2567 สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ และไวรัสอื่นๆจะเป็นอย่างไร ชวนให้ติดตามรายงานเดือนหน้าครับ.
คลิกอ่านคอลัมน์ "สกู๊ปหน้า 1" เพิ่มเติม