“พิมพ์ภัทรา” สั่งคุมเข้ม “พาวเวอร์แบงก์” ต้องได้ มอก. พร้อมเตือนประชาชนเลือกใช้ที่มีเครื่องหมาย มอก.เท่านั้น เพราะมีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตราย ขณะใช้งาน ด้าน “สุริยะ” สั่ง กพท.ยกระดับตรวจสอบด้วย หวังไม่ให้ซ้ำรอยพาวเวอร์แบงก์ระเบิดไฟลุกบนเครื่องบิน

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีที่เมื่อเร็วๆนี้พาวเวอร์แบงก์ระเบิดบนเครื่องบินที่ตนเองโดยสารอยู่นั้น ในฐานะ รมว. อุตสาหกรรมที่ดูแลสินค้าให้มีความปลอดภัยต่อประชาชน จึงสั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิต ภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้มงวดตรวจควบคุมพาวเวอร์แบงก์ทุกขนาด ทุกยี่ห้อ ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดในประเทศ และทางออนไลน์ โดยต้องได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)

ทั้งนี้ เนื่องจากพาวเวอร์แบงก์ เป็นหนึ่งในสินค้า 144 รายการ ที่เป็นสินค้าควบคุมของ สมอ. โดยเฉพาะพาวเวอร์แบงก์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ให้เพิ่มความถี่ในการตรวจควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สินค้าได้อย่างปลอดภัย และขอฝากถึงประชาชนให้เลือกใช้พาวเวอร์แบงก์ ที่มีเครื่องหมาย มอก. และ QR Code ที่ ปรากฏอยู่บนสินค้าเท่านั้น เพราะพาวเวอร์แบงก์ที่ได้เครื่องหมาย มอก.มีความปลอดภัยสูง และจะไม่เป็นอันตรายขณะใช้งาน ส่วนการมี QR Code จะทำให้ผู้บริโภคสามารถสแกนเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า ผู้ผลิตและผู้จำหน่าย รวมถึงคุณภาพของสินค้าว่า เป็นไปตามที่ระบุหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามที่ระบุ สามารถร้องเรียนมาที่ สมอ.ได้ทันที

โดยล่าสุดได้รับรายงานว่า สมอ.ได้ประสานเพื่อตรวจสอบขยายผลอย่างเร่งด่วนถึงแหล่งที่มา รายละเอียดสินค้า และการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่แล้ว หากไม่ถูกต้อง สมอ.จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ประกอบการรายนี้อย่างถึงที่สุด เนื่องจากพาวเวอร์แบงก์เป็นสินค้าควบคุมของ สมอ. การทำและนำเข้าจะต้องได้รับอนุญาตจาก สมอ.ก่อน รวมถึงผู้จำหน่ายจะต้องขายเฉพาะสินค้า ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตแล้ว 97 ใบอนุญาต แบ่งเป็นผู้ผลิตในประเทศ 8 ใบอนุญาต และผู้นำเข้า 89 ใบอนุญาต สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้รับใบอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ สมอ. www.tisi.go.th

...

“พาวเวอร์แบงก์ที่ได้ มอก.จะผ่านการตรวจสอบจากห้องแล็บอย่างเข้มข้น 20 รายการ เช่น สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 70 องศาเซลเซียส หากวางไว้ในรถยนต์ที่จอดตากแดด หรือที่ที่มีอุณหภูมิสูงก็ยังอยู่ในสภาพปกติ ไม่บวม พอง หรือโก่งงอ ทนต่อการตกกระแทก ไม่แตกหักเสียหายง่าย ทนต่อความดันอากาศต่ำ หากอยู่บนเครื่องบินจะไม่เกิดการรั่วซึม หรือเกิดการระเบิด หรือในกรณีที่ชาร์จทิ้งไว้นานๆก็จะไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ และลุกไหม้ และหากเกิดประกายไฟ เปลวไฟจะดับเองได้โดยไม่เกิดการลุกลาม”

ส่วนวิธีการเก็บรักษาและการใช้งานก็มีส่วนสำคัญ เพื่อไม่ให้พาวเวอร์แบงก์หมดอายุการใช้งานก่อนเวลาอันควร เช่น ไม่ควรเก็บไว้ใกล้แหล่งความร้อน หรือรับแสงแดดโดยตรง ไม่ควรเก็บไว้ใกล้แก๊สที่ติดไฟได้ ความชื้น น้ำ หรือของเหลว ไม่ควรถอดชิ้นส่วน เปิด เผา หรือสอด แทรกสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพาวเวอร์แบงก์ ไม่ควรให้ถูกกระแทก ถูกกดทับ งอ หรือเจาะ ไม่ใช้งานในขณะเปียกน้ำหรือได้รับความเสียหาย เพื่อป้องกันการช็อตไฟฟ้า และควรอ่านข้อควรปฏิบัติที่ให้มากับพาวเวอร์แบงก์ด้วยทุกครั้ง เพื่อให้ใช้งานได้อย่างถูกวิธีและมีความปลอดภัย

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลความปลอดภัย ตรวจสอบกฎระเบียบให้เป็นตามมาตรฐานขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) หาแนวทางกำกับ หรือตรวจสอบมาตรฐานของพาวเวอร์แบงก์ที่ผู้โดยสารใช้งานและนำขึ้นเครื่องบินเพิ่มเติมได้หรือไม่ โดยเฉพาะให้มีการผลิตที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้พาวเวอร์แบงก์ที่ผ่านมาตรฐาน มอก.

สำหรับมาตรฐานของการบินทั่วโลก และประกาศของ กพท.กำหนดให้ผู้โดยสารนำพาวเวอร์ แบงก์ติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ แต่ห้ามโหลดใต้ท้องเครื่อง โดยพาวเวอร์แบงก์ต้องมีความจุพลังงานไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh และหากมีความจุไฟฟ้า 20,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่อง ไม่กำหนดจำนวน แต่หากมีความจุ 20,000-32,000 mAh ขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ก้อน.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่