“เราได้เตรียมพร้อมรับมือการเปิดเสรี FTA ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ที่จะยกเลิกโควตาภาษีตั้งแต่ 1 ม.ค.68 มาแต่เนิ่นๆ มั่นใจว่าการเปิดเสรีโคนมจะไม่กระทบต่อกิจการโคนมของ อ.ส.ค.อย่างแน่นอน เนื่องจาก อ.ส.ค.มีศักยภาพและมีความเข้มแข็งมากพอในการแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาได้เตรียมความพร้อมไว้ทุกด้านตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เช่น มีฟาร์มโคนมที่ได้มาตรฐาน มีโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย 5 แห่ง ตลอดจนผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศให้ความเชื่อมั่น และยอมรับในคุณภาพและมาตรฐานของแบรนด์นมไทย-เดนมาร์กมาอย่างยาวนาน รวมทั้งการเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่ใช้น้ำนมโคสดแท้ 100% ในการผลิตและเป็นที่ยอมรับในตลาด”

...

นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) บอกถึงการเตรียมพร้อมรับมือ FTA ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ที่จะมีอย่างเต็มรูปแบบในปีหน้า...นอกจากนี้ อ.ส.ค.ยังมีฟาร์มประสิทธิภาพสูงที่เป็นฟาร์มสาธิตเชิงธุรกิจ และเป็น Smart Dairy Farm ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดการฟาร์มและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับเป็นแหล่งฝึกปฏิบัติและการสร้างบุคลากรมืออาชีพด้านการเลี้ยงโคนมและเป็นฟาร์มสำหรับใช้ในการศึกษา และพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการฟาร์ม ให้มีความสะดวกและเหมาะสมกับการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรยุคใหม่ ที่สอดคล้องกับหลักการดูแลสวัสดิภาพสัตว์ (Animal welfare) พร้อมจัดซื้อแม่โครีดนม จำนวน 120 ตัว เพื่อผลิตน้ำนมดิบเข้าสู่อุตสาหกรรมนมให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันให้ผลผลิตสูงถึง 21.75 กก./ตัว/วัน จากเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 18 กก./ตัว/วัน ถือว่าให้ผลผลิตสูงและส่งผลทำให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ

อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบัน อ.ส.ค.จะมีความเข้มแข็งพร้อมรับการแข่งขันหลังมีการเปิดเสรีด้านโคนมแล้ว แต่ อ.ส.ค.ก็ไม่ได้ทอดทิ้งเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในเครือข่าย ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาและอุปสรรคในการปรับตัว รวมทั้งมีการบริหารจัดการฟาร์มที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีต้นทุนสูงและให้ผลผลิตต่ำไม่เพียงพอกับรายได้ ประกอบกับความผันผวนทางเศรษฐกิจในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาอาหารโคนมปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ส่งผลให้เกษตรกรหลายครอบครัวถอดใจเลิกเลี้ยง บางรายทายาทไม่สานต่ออาชีพหันไปประกอบอาชีพอื่นแทน ทำให้ฟาร์มเกษตรกรรายย่อยที่มีแม่โครีดนมต่ำกว่า 20 ตัว เลิกกิจการค่อนข้างสูง โดยภาพรวมเกษตรกรเลิกเลี้ยงคิดเป็น 30%

ทั้งนี้จากวิกฤตการณ์ดังกล่าว อ.ส.ค.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้ความรู้ แนะแนวทางปรับตัวโดยส่งเสริมให้เกษตรกรมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการฟาร์มให้มีคุณภาพ มาตรฐาน ลดต้นทุนการผลิต ปรับลดขนาดฟาร์มให้เล็กลง ปรับสูตรการให้อาหาร และหันมาเลี้ยงโครีดนมให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำนมดิบ ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีน้ำนมดิบที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งได้จัดทำโครงการอบรมการอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีสูตรผลิตอาหารสัตว์คุณภาพ เพื่อให้ได้น้ำนมดิบที่มีคุณภาพได้มาตรฐานตามที่กำหนด เกษตรกรได้รับผลตอบแทนคุ้มค่าให้กับเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เพื่อขยายผลต่อไปยังฟาร์มเกษตรกรที่อยู่ภายใต้ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ อ.ส.ค. จังหวัดขอนแก่น 6 ศูนย์และศูนย์รวบรวมน้ำนมจังหวัดสุโขทัย 5 แห่ง ตลอดจนเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ใกล้เคียงอีก.

กรวัฒน์ วีนิล

คลิกอ่าน "ข่าวเกษตร" เพิ่มเติม

...