ตอกย้ำความเป็นองค์กรเก่าแก่ที่อยู่เคียงคู่สังคมไทย “บี.กริม” ภายใต้การนำทัพของ “ดร.ฮาราลด์ ลิงค์” เดินหน้าต่อยอดธุรกิจฐานรากขององค์กร ตั้งเป้าสร้าง “บี.กริม ฟาร์มา” สู่ผู้นำธุรกิจในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร พร้อมเผยกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรใน 5 ปีข้างหน้า ปั้นรายได้รวมทะยานสู่ 150,000 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดดขึ้นแท่นเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลก

อะไรคือรากฐานปรัชญาการดำเนินธุรกิจของ“บี.กริม”

ตลอด 145 ปี “บี.กริม” มุ่งมั่นในการทำธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนและสังคมไทย โดยเน้นไปที่ค่านิยมหลัก 4 ประการ (4Ps Core Values) คือ 1. ความร่วมมือกัน (Partnership) 2. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Pioneering Spirit) 3. การมีทัศนคติที่ดี (Positivity) และ 4. ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)

...

ปรับตัวยังไงถึงอยู่ยั้งยืนยงมาได้ 145 ปี

จากจุดเริ่มต้นธุรกิจร้านปรุงยาสมัยใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 เราสยายปีกสู่บริษัทที่มีหลากหลายธุรกิจในทุกวันนี้ โดยที่ยังคงรักษาดีเอ็นเอดั้งเดิม คือความทันสมัยและก้าวไปไม่หยุดนิ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา “บี.กริม” ดำเนินธุรกิจภายใต้ค่านิยมหลัก 4 ประการ (4Ps Core Values) ที่ครอบครัว “บี.กริม” ยึดถือเป็นวิถีปฏิบัติในการทำงานเสมอมา เสมือนอาวุธที่นำมาประยุกต์เป็นกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อปรับเปลี่ยนและรับมือกับสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง ขณะเดียวกันเราก็นำเสนอสิ่งใหม่ๆมาสู่สังคมไทยที่หลากหลาย โดยวันนี้ “บี.กริม” ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การริเริ่มขุดคลองชลประทานรังสิตเป็นระยะทาง 1,500 กิโลเมตร, การนำเข้ายาที่ทำให้คนไทยไม่ต้องป่วยตายโดยไม่จำเป็น, การติดตั้งเครื่องโทรเลขไร้สายเป็นครั้งแรก ตลอดจนกิจกรรมด้านอุตสาหกรรม และการดำเนินธุรกิจการค้าอื่นๆ

ทศวรรษใหม่ของ “บี.กริม” ยิ่งใหญ่เกรียงไกรขนาดไหน

“บี.กริม” เป็นองค์กรที่อยู่เคียงคู่สังคมไทย จากรากฐานปรัชญาการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2421 เราเริ่มต้นจากธุรกิจร้านปรุงยา พัฒนาไปสู่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน วันนี้สยายปีกสู่ 6 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจด้านพลังงาน 2.ธุรกิจอุตสาหกรรม 3.ธุรกิจสุขภาพ 4.ธุรกิจเทคโนโลยีดิจิตอล 5.ธุรกิจไลฟ์สไตล์ เป็นตัวแทนสินค้าแฟชั่นหลายกลุ่ม และ 6.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วันนี้เราได้ก้าวข้ามการแข่งขันในประเทศสู่การเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกแล้ว

ตั้งเป้าการเติบโตของหัวหอกหลัก “บี.กริม เพาเวอร์” ไว้อย่างไร

เรามีการตั้งเป้าหมายการเติบโตของแต่ละธุรกิจไว้ชัดเจน อย่าง “บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)” จะเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ระยะยาว “GreenLeap-Global and Green” โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 50% ในปี 2573 และตั้งเป้าขยายการลงทุนสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนา ในปี 2573 นอกจากนี้ ยังจะก้าวสู่องค์กรที่ตั้งเป้าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon Emissions ภายในปี 2593 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาโครงการในประเทศไทย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, อิตาลี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง และได้เปิดดำเนินการ (COD) แล้วรวม 3,970 เมกะวัตต์ เมื่อรวมโครงการซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีก 12 โครงการ จะมีกำลังการผลิตรวมเป็น 4,623 เมกะวัตต์

...

โดยความสำเร็จมาจากจุดแข็งในการเป็นผู้นำกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม และพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจระดับโลก ในปี 2566 “บี.กริม เพาเวอร์” มีการขยายโครงการต่างๆในต่างประเทศจำนวนมาก โดยมีไฮไลต์คือประเทศเกาหลีใต้ ด้วยการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 122.49 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ “บี.กริม เพาเวอร์” เป็น 1 ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, สเปน, สหรัฐอเมริกา และไทย ที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลเกาหลีใต้ เข้าร่วมงาน Investment Korea 2023 พร้อมได้รับรางวัลจากรัฐบาลเกาหลีใต้อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนภายใต้ “บี.กริม เพาเวอร์” ยังได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลไทยจำนวน 15 โครงการ รวมกำลังการผลิต 339.3 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้เตรียมพร้อมเข้าร่วมโครงการพลังงานหมุนเวียนในรอบถัดไปแล้ว

มีอะไรใหม่ๆเซอร์ไพรส์ไหมคะ

...

ผลการดำเนินงานในปี 2566 ของ “บี.กริม อุตสาหกรรม” มีรายได้เติบโตขึ้น 14% สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงภาพรวมอุตสาหกรรมอื่นซึ่งเติบโตน้อยกว่า โดยธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้แก่ ระบบปรับอากาศแคเรียร์ ที่ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจระบบปรับอากาศของประเทศไทย อันเป็นผลมาจากการเดินหน้าสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนจากพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย รวมถึงการเปิดตัวนวัตกรรมและบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยที่สามารถเชื่อมต่อระบบ IoT, ระบบปรับอากาศแบบ VRF สำหรับอาคาร หรือระบบบริการหลังการขายที่สามารถแจ้งการทำงานผิดปกติโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังมีการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกระแสความนิยมของผู้บริโภคที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

โดยชูจุดเด่นเรื่องการบริการแบบครบวงจรและรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย พร้อมทางเลือกในการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ โดยในปี 2566 “บี.กริม” ได้ติดตั้ง 70 หัวชาร์จ ให้แก่หลากหลายผู้ประกอบการ สำหรับปี 2567 จะเน้นขยายธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แพลตฟอร์มของ “บี.กริม” เอง ขณะเดียวกัน ยังมีการขยายธุรกิจไปสู่การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แบบ EPC ซึ่งเป็นการให้บริการติดตั้งแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Turn-Key ตั้งแต่การออกแบบ, ติดตั้ง, ขออนุญาต จนจบกระบวนการ และมีการพัฒนาโซลูชัน เพื่อสุขภาพที่ดีแก่ผู้ใช้อาคาร หรือ Healthy Living Solution ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีระบบไฟ UV-C ยับยั้งเชื้อโรคในระบบปรับอากาศ ซึ่งมีการติดตั้งในห้างสรรพสินค้าเครือเซ็นทรัลแล้วกว่า 6 แห่ง และมีแผนขยายไปยังสถานที่ต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในระยะยาวถึง 3 เท่า ภายในปี 2573 ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืน

...

ธุรกิจน้องใหม่ในเครือ “บี.กริม” มีศักยภาพขนาดไหน

“บี.กริม ฟาร์มา” เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจเรือธงของ “บี.กริม” ที่เราให้ความสำคัญมาก และเป็นธุรกิจฐานรากเดิมที่พร้อมเดินหน้าต่อยอด เพื่อปลุกปั้นสู่การเป็นผู้นำธุรกิจในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร ย้อนกลับไป 145 ปี เราเปิดร้านปรุงยาตำรับตะวันตกแห่งแรกของประเทศไทย ในชื่อ “สยามดิสเป็นซารี่” และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นร้านยาหลวงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 กลายเป็นจุดเริ่มต้นของปรัชญาแห่งการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารีของ “บี.กริม” ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อส่วนรวมและสังคม มาถึงวันนี้ด้วยสถานการณ์ด้านสาธารณสุขของประเทศที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงการรักษา “บี.กริม” ได้กลับมาสานต่อธุรกิจฐานรากดังกล่าว ภายใต้ชื่อ “บี.กริม ฟาร์มา” โดยยังคงมุ่งเน้นเจตนารมณ์เดิมที่ชัดเจน นั่นคือการมุ่งสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับผู้คน

ตลอดจนส่งเสริมการเข้าถึงยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ป่วย เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ได้แก่ ยาและเวชภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 4 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด 2. กลุ่มยารักษาโรคระบบประสาทและจิตเวช 3. กลุ่มยารักษาโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ และ 4. กลุ่มยารักษาโรคระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม, เวชสำอาง และเครื่องมือแพทย์ด้วย

วันนี้ “บี.กริม” พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าเติบโตสู่องค์กรชั้นนำระดับโลก เพื่อผลักดันให้ชาวโลกได้เห็นถึงศักยภาพของคนไทย.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่