หลังพบว่าเด็กนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นใหม่ ที่เพิ่งจบออกมาจากรั้วสถาบันโรงเรียนนายร้อยตำรวจหรือ รร.นรต.มีความคิดที่ว่า อยากทำ “อาชีพเสริม” และเลือกอยู่ในโรงพักที่มีปริมาณงานน้อย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางไปยังสถาบันส่งเสริมงานสอบสวน อ.ศาลายา จ.นครปฐม เข้าพบว่าที่ ร.ต.ต.ใหม่ นรต.รุ่นที่ 77 ที่เพิ่งติดดาวจบออกไปจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจและมาอบรมประกาศนียบัตรวิชาชีพสอบสวน ที่สบส. จำนวน 111 นาย

นำทีมงานรุ่นพี่ นรต.และรุ่นพี่นักเรียนอบรมที่เป็นทีมงานร่วมรับประทานอาหารกลางวัน

พูดคุยกันในหัวข้อ

“การทำงานเพื่อความสำเร็จและอยู่ในหัวใจของประชาชน”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกกับตำรวจรุ่นน้องว่า “ชีวิตการทำงานและชีวิตจริงไม่ต้องรีบร้อน แต่ต้องเก่งงาน สั่งสมประสบการณ์งานสอบสวนให้มาก เพราะคือพื้นฐานของงานตำรวจทั้งหมด”

ย้ำว่า พวกเราจะต้องเป็นผู้บังคับบัญชาในอนาคต ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาที่เก่งงาน รู้งาน สั่งงานเป็น ไม่ต้องรีบสร้างหนี้สิน ไม่ต้องรีบออกรถใหม่มาเป็นภาระ มุ่งมั่นทำงานอย่างอดทน

ทำงานหนักวันนี้

วันหน้าจะสบายเอง หากเข้าเวรสอบสวน อย่าเอางานเก่ามาทำ เปิดร้านรับงานใหม่ มีสมาธิกับเหตุที่เกิดขึ้นตรงหน้า การเจริญเติบโต ทุกคนต้องวางแผนชีวิต ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ต้องมีวิธีคิดเป็นของตัวเอง ดูแลตัวเอง แต่งเนื้อแต่งตัวให้ดี สายแดงเวลาเข้าเวรต้องไม่ดำ ไม่ต้องตู้ ไม่ต้องตรงเป๊ะ แต่ต้องมีคุณธรรม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า การเป็นตำรวจ ต้องเป็นตำรวจพื้นที่ ต้องเป็น ผกก.โรงพัก เพราะเราจบจาก รร.นรต. คือ กำลังหลัก ยกโดยให้ดูตัวอย่างชีวิตพี่ที่เป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีปริมาณงานมาก อยากได้งาน อยากเรียนรู้งาน ทำให้เราแข็งแกร่งมาจนถึงทุกวันนี้

...

พอทำงานเป็น สอบสวนเป็น สืบสวนเป็น จะมีแต่คนใช้งาน มีแต่คนไว้วางใจ ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ทำงานสำคัญๆ และย้ำให้ตั้งใจเรียนทั้งภาคทฤษฎี ทั้งภาคปฏิบัติ ไปฝึกงานโรงพัก ต้องหมั่นใจ สนใจเรื่องงาน นึกถึงวันข้างหน้าที่ต้องทำงานจริง ที่ไม่มีพี่เลี้ยงคอยชี้แนะอีก

ใช้ “ประสบการณ์” เตือนน้องตำรวจจบใหม่ เตรียมลงพื้นที่เข้าใจถึงปัญหาตำรวจ อย่ามองข้าม กฎหมายใหม่ ๆ ต้องศึกษา พ.ร.บ.เปรียบเทียบปรับเป็นพินัยฯ หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ที่ไม่ใช่แค่ถูกออกจากราชการ

แต่มีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี ติดคุก ติดตะรางได้ด้วย

เป็นมุมของรุ่นพี่ “ปรับทัศนคติ” รุ่นน้อง.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม