“เกรียงศักดิ์” ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส.แล้ว มีผล 1 มี.ค.นี้ ส่วนบอร์ด อคส.ทยอยลาออกแล้ว เปิดทางรัฐบาลสรรหาใหม่ทั้งหมด

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว หลังจากอยู่ในตำแหน่งนี้มานานกว่า 3 ปี หรือตั้งแต่เดือน ก.ย.63 จึงต้องการพักผ่อน และเปิดทางให้บุคคลอื่นที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน โดยการลาออกจะมีผลวันที่ 1 มี.ค.67

ส่วนคณะกรรมการ (บอร์ด อคส.) 11 คนนั้น ประธาน รองประธาน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รวม 7 คนได้ทยอยลาออกมาตั้งแต่เดือน มิ.ย.66 และรายสุดท้ายลาออกเมื่อเดือน ต.ค.66 คงเหลือเพียงตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และตน ส่งผลให้หลังจากนี้ อคส.ต้องประกาศสรรหาบอร์ด และผู้อำนวยการคนใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลาออกของนายเกรียงศักดิ์ และบอร์ด อคส. เพื่อเปิดทางให้ฝ่ายการเมืองสรรหาบุคคลใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ที่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ผู้นำสูงสุด และบอร์ดของรัฐวิสาหกิจที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดเก่าต้องลาออก เพราะมาจากคนละพรรค การเมือง อาจเกิดความไม่ไว้วางใจในการทำงาน และหากอยู่ในตำแหน่งต่อไป อาจไม่สามารถเดินหน้าทำงานได้

อย่างไรก็ตาม กว่า 3 ปีที่นายเกรียงศักดิ์เป็นผู้อำนวยการ อคส. ได้สะสางปัญหาต่างๆ ของ อคส.ที่สะสมมานาน โดยเฉพาะเร่งรัดด้านคดีความที่เกิดจากการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลที่ผ่านๆมา ทั้งจำนำข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ ตั้งแต่ก่อนปี 51 และหลังปี 51 รวมมากกว่า 1,000 คดี รวมถึงคดีใหม่ คือ ทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง ที่ทำให้ อคส.เสียหายมากถึง 2,000 ล้านบาท และเกิดขึ้นก่อนที่นายเกรียงศักดิ์จะรับตำแหน่งได้เพียงไม่กี่วัน โดยคดีต่างๆมีความคืบหน้าเป็นลำดับ รวมถึงระบายสินค้าเกษตรที่ค้างสต๊อกมานานจนหมด ทั้งข้าว มัน ข้าวโพด

...

โดยผลจากการเร่งรัดดำเนินคดี ทำให้ตั้งแต่ปี 64-66 อคส.มีคะแนน ITA ที่ประเมินโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สูงกว่า 93% ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน และติด 1 ใน 3 หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ได้คะแนนสูงสุด โดยปี 66 อคส. มีคะแนน 94.61, ปี 65 มีคะแนน 94.69 และปี 64 มีคะแนน 93.59 โดย อคส.เข้ารับการประเมินมาตั้งแต่ปี 57 แต่ได้คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์มาตลอด

ขณะเดียวกันยังเร่งหารายได้ ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุดปี 65 มีรายได้รวม 707 ล้านบาท จากปี 62 ที่ 306 ล้านบาท ขาดทุน 99 ล้านบาท ลดจาก 157 ล้านบาทในปี 62 เป็นผลจากการลดรายจ่าย และเน้นธุรกิจคลังสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงมาก ทำให้มีรายได้จากการให้เช่าคลังสินค้ากว่า 73 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 25 ปี ส่วนปี 66 คาดขาดทุน 70 ล้านบาท มีรายได้รวม 718 ล้าน และรายได้คลังสินค้า 79 ล้านบาท เป็นสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 25 ปีอีกครั้ง ขณะที่ปี 67ตั้งเป้ารายได้จากค่าเช่าคลัง 85 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง

นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงจากการทำธุรกิจแบบเดิมของ อคส. ที่ซื้อสินค้าด้วยเงินสดแล้วนำมาขายต่อแบบเงินเชื่อ กำไรต่ำ ความเสี่ยงสูง และเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ ซึ่งปี 63 เก็บเงินไม่ได้ถึง 146 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการรวมงานโครงการของรัฐบาล ปี 65 ขาดทุน 305 ล้านบาท จากปี 62 ที่ขาดทุนสูงถึง 11,793 ล้านบาท และขาดทุนสะสมรวมทุกโครงการ 584,337 ล้านบาท แต่ปี 66 คาดว่าจะขาดทุนลดลงเหลือ 442 ล้านบาท อีกทั้งยังส่งเงินคืนกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร 4,305 ล้านบาท

พร้อมกันนั้นยังริเริ่มโครงการใหม่ๆ แต่ยังไม่ทันได้เริ่มดำเนินการ เช่น ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกับจีน และเมียนมา ในการทำคลังสินค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนใน 2 ประเทศ เป็นต้น.