พระอาจารย์พรหมเล่าเรื่องวัวร้องไห้ ไว้ในหนังสือ ชวนม่วนชื่น...นี่คือประสบการณ์ระหว่างการเข้าไปสอนสมาธิ นักโทษที่กำลังถูกฝึกอาชีพ ก่อนรับการปลดปล่อย ในเรือนจำลหุโทษ ออสเตรเลีย

แล้วก็จำเพาะเป็นเรือนจำแห่งเดียว ที่มีโรงฆ่าสัตว์

ลักษณะโรงฆ่าสัตว์ ราวสเตนเลสเปิดกว้างตรงทางเข้า และแคบลงๆ จนเหลือช่องทางเดียวในบริเวณอาคาร กว้างพอแค่สัตว์จะเดินผ่านเข้าไปทีละตัว

ถัดไปเป็นแท่นที่ยกขึ้น พอที่ให้นักฆ่ายืนถือปืนไฟฟ้า เมื่อ วัว หมู แกะ ถูกหมาและคนต้อนมาถึง นักฆ่าอาชีพเล่าว่า สัตว์ทุกตัวเมื่อได้กลิ่นความตาย มันจะส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน กระเสือกกระสนหนี

“ปกติ ไม่ว่าสัตว์จะใหญ่แค่ไหน ถ้าโดนปืนไฟฟ้าแรงสูง ก็มักล้มทั้งยืน “นักฆ่าเล่า”

แต่ความจริง...ผมไม่เคยยิงมันครั้งเดียว ต้องยิงครั้งแรกให้สลบ นัดที่สองเพื่อฆ่า ผมฆ่าไปตัวแล้วตัวเล่า วันแล้ววันเล่า”

งานนักฆ่า เป็นงานที่นักโทษแย่งกันทำ นักโทษที่ถูกเลือก เป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ชาวไอริชร่างยักษ์ บาดแผลต่อสู้เต็มตัว ถูกเลือกรับงาน ในวันที่ต้องฆ่าวัวหลายตัว

สามวันก่อนหน้า...เขาฆ่าวัวไปแล้วหลายตัว จนกระทั่งวัวตัวนั้นเข้ามา มันแปลกกว่าวัวทุกตัว เดินสงบเงียบ ไม่มีเสียงคราง หัวก้มต่ำ เดินช้าๆท่วงท่ามาดมั่น ราวกับมันสมัครใจเข้าลานประหาร

เมื่อเดินเข้าที่ เจ้าวัวก็ยกหัวขึ้นจ้องมองนักฆ่า

นักฆ่าสารภาพ ความสงบนิ่งแบบสุดๆของเจ้าวัว สะกดเขาให้สับสนจนมือชา...เขาไม่สามารถยกปืนขึ้นยิง...หรือแม้แต่จะถอนสายตาจากสายตาของเจ้าวัว ที่กำลังจ้องมองลึกทะลุเข้าไปถึงหัวใจ

ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าใด ที่เขาประสานสายตากับมัน...ตาของวัวเริ่มโต หนังตาล่างซ้ายขวา น้ำตาเริ่มคลอ และในที่สุด ก็ค่อยๆเอ่อจนหนังตารับไม่ไหว กลายเป็นสายน้ำที่ไหลรินอาบหน้า

...

“วัวกำลังร้องไห้...” นักฆ่าไอริชว่า

“ผมโยนปืนทิ้ง หลุดปากสบถสาบานกับเจ้าหน้าที่เรือนจำ พวกคุณจะฆ่าจะแกง หรือจะทำอะไรผมก็ได้ แต่วัวตัวนี้ต้องไม่ตาย”

คนทั้งเรือนจำโจษจัน เป็นเรื่องอัศจรรย์ น้ำตาวัวตัวที่ร้องไห้ เปลี่ยนชายที่ดุร้ายมากที่สุด คนหนึ่งปรับวิถีชีวิตเป็นมังสวิรัติไม่กินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต และเข้าใจความหมายของคำว่า “แคร์”

ไม่มีเรื่องเล่าต่อ วัวตัวที่ร้องไห้จะถูกละเว้นโทษตาย...หรือไม่?

แต่ก็อาจเดาเอาเองได้ สาระสำคัญของเรื่องอยู่ที่ระดับจิตของวัว...ที่ไม่กลัว ไม่แสดงปฏิกิริยารักตัวกลัวตาย...ซึ่งผิดปกติวัยของสัตว์มีชีวิตทั่วไป

ผมขอใช้ขอบเขตของวัวที่เดินสู่ลานประหาร...เทียบเคียง... มนุษย์ทุกคน...ต้องเจอสถานการณ์นั้น สถานการณ์ใกล้ตาย หลายคนทุรนทุราย หลายคนตายอย่างสงบ

วัวตัวนั้น...สอนมนุษย์ว่า เมื่อถึงเวลาจะต้องเป็นไป...มันก็ต้องเป็นไป

เรื่องเล่านี้ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เป็นปาฏิหาริย์สยบมนุษย์ใจหิน กลายเป็นคนมีเมตตากรุณา

สำหรับนักการเมือง การตีฆ้องร้องป่าว การใช้พื้นที่สื่อ เป็นความจำเป็นให้ชาวบ้านเห็นถึงตัวตน...แต่ในบางสถานการณ์ของนักการเมืองระดับตำนาน ความเงียบ เงียบสนิท นิ่งและนาน ก็มีพลัง...

บางครั้งอาจสร้างปาฏิหาริย์ สะกดคนโกรธขึ้งตึงตัง ให้รู้จักการอภัย ผมหวังลึกๆว่า น่าจะมีผลดีมาถึงบ้านเมือง.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม