แม่ค้าเสื้อผ้าสุดทน ร้องกองปราบฯ กู้หนี้นอกระบบ “เจ๊โอสามย่าน” 6 แสน ไปๆมาๆจ่ายดอกไปล้านกว่า แต่ยอดหนี้ไม่ลด ซ้ำถูกบังคับ ทำสัญญาร่วมทุนนิติกรรมอำพรางเลี่ยงกฎหมาย หากไม่จ่ายเจอขู่ทำร้าย อ้างลูกเป็นนักการเมืองดัง มีตำรวจพญาไทเป็นลูกน้อง พร้อมส่งคนอุ้มตลอดเวลา เผยเครียดจนแทบจะฆ่าตัวตาย ด้านพนักงานสอบสวนรับเรื่องส่งต่อผู้บังคับบัญชาพิจารณา ขณะที่ตำรวจไซเบอร์จับ “ภาสคลองท่อม” ปล่อยกู้ในพื้นที่ให้ลูกหนี้เอารถเอา จยย.ค้ำเซ็นชื่อสลักหลังโอนลอยพร้อมประกาศขายหากลูกหนี้เบี้ยว

ปัญหากู้นอกระบบมีทั้งร้องเรียนมีทั้งจับกุมรายวัน ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ม.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถนนพหลโยธิน กทม. สองผัวเมียผู้เสียหาย (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) เข้าพบ พ.ต.ท.หญิง พรพิมล ดอกไม้ สว. (สอบสวน) กก.2 บก.ป. เพื่อขอความช่วยเหลือหลังถูกนายทุนเงินกู้นอกระบบอ้างข่มขู่คุกคามบังคับใช้หนี้พร้อมดอก จนเกือบคิดสั้นฆ่าตัวตาย

นางจุ๋ม (นามสมมติ) ผู้เสียหายกล่าวว่า ขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดกับสามี เมื่อ ก.พ.66 ได้กู้ยืมเงินจาก “เจ๊โอ” คนจัดตลาดย่านสามย่าน 6 แสนบาท เพื่อมาลงทุนต่อยอดธุรกิจ มีข้อตกลงต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 3,000 บาท ที่ผ่านมาจ่ายดอกเบี้ยให้เรื่อยมารวมเป็นเงินกว่า 1.3 ล้านบาท แต่ยอดหนี้หรือเงินต้นไม่เคยลด รู้สึกท้อเพราะแบกรับหนี้สินดังกล่าวไม่ไหว รู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบเกินไป พยายามขอเจรจาต่อรอง แต่ “เจ๊โอ” ไม่ยอม ยืนยันจะให้หาเงินมาจ่ายอีก 5.6 แสนบาท พร้อมบังคับให้เปลี่ยนจากสัญญาเงินกู้มาเป็นการทำสัญญาร่วมทุนลักษณะนิติกรรมอำพราง หากไม่ทำตามสัญญาจะถูกดำเนินคดีอาญาแทน ต่อมาถูกพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ออกหมายเรียกให้มาเข้าพบจากเรื่องทำผิดสัญญาดังกล่าวนี้แล้ว

...

“ที่ผ่านมาเจ๊โอมักจะอ้างเสมอ มีลูกชายเป็นนักการเมืองชื่อดัง วันใดที่ไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยรายวัน จะส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ขี่รถ จยย.มาที่หน้าบ้านพัก ขู่ว่าจะทำร้ายคนในครอบครัว รวมถึงยังมักพูดเสมอมีลูกน้องตำรวจอยู่ที่ สน.พญาไท หากไม่จ่ายจะส่งคนมาอุ้มไปดำเนินคดี ทำให้ตนรวมทั้งคนในครอบครัวกลัวเรื่องความปลอดภัย ไม่กล้าไปขายของในพื้นที่สามย่าน ที่ผ่านมาเครียดมาก เคยคิดจะฆ่าตัวตายเพราะไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ได้หมด ทั้งๆที่จ่ายดอกเบี้ยให้ไปเป็นเงินรวมกว่า 1.3 ล้านบาท มากกว่าเงินต้นที่กู้ยืมมาเท่าตัวด้วยซ้ำ” นางจุ๋มกล่าว

นางจุ๋มกล่าวต่อด้วยว่า ก่อนหน้านี้เห็นข่าวรัฐบาลออกมาประกาศจะเร่งแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตัดสินใจยื่นเรื่องไปยังศูนย์ดำรงธรรมแต่ถูกเพิกเฉย ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ตัดสินใจเข้าพบตำรวจกองปราบเพื่อร้องขอความเป็นธรรม เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นหน่วยงานสุดท้ายที่จะสามารถช่วยเหลือตนได้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้ เพื่อนำไปประมวลเรื่องราวควบคู่พยานหลักฐานต่างๆ ส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

วันเดียวกัน พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาปล่อยเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ จ.กระบี่ โดยชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.5 จ.กระบี่ หลังสืบสวนทราบว่านายประภาส (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี เป็นนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ ลูกหนี้ที่จะกู้ต้องนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์มาเป็นหลักประกัน พร้อมทำสัญญาซื้อขายทิ้งไว้ ลักษณะเป็นการอำพราง เมื่อลูกหนี้ผิดนัดจะนำรถออกประกาศขายผ่านเฟซบุ๊ก ต่อมาวันที่ 16 ม.ค. 67 พ.ต.ท.อุดม อิสโร และ พ.ต.ท.อสวรรธน์ ศิระเวรินทร์ สว.กก.1 บก.สอท.5 นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านนายประภาส ใน ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ พบรถยนต์และรถจักรยานยนต์จอดเรียงรายอยู่ เป็นรถกระบะ 2คัน รถ จยย. 4 คัน พบสัญญาซื้อขายรถที่ลูกหนี้โอนลอยไว้

สอบสวนนายประภาสรับว่าปล่อยเงินกู้มา 3 ปี โดยจะปล่อยกู้ให้กับคนในพื้นที่ คิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน หรือร้อยละ 60 ต่อปี ลูกหนี้ต้องนำรถมาเป็นหลักประกันเงินกู้ พร้อมเซ็นโอนลอยไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญเจ้าของรถมาพบ ให้การสอดคล้องกันว่ากู้เงินกับนายประภาสและนำรถมาเป็นหลักประกันเงินกู้ไว้จริง แต่นายประภาสได้ให้โอนลอยไว้โดยไม่ได้ทำสัญญากู้ยืมเงิน เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงินโดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้” นำตัวส่งสภ.คลองท่อม จ.กระบี่ ดำเนินคดี ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนลงทะเบียนขอความช่วยเหลือหนี้นอกระบบได้ทางเว็บไซต์ https://debt.dopa.go.th/ หรือที่ว่าการอำเภอและสถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ

วันเดียวกัน พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก. ปอศ. นำกำลังพร้อมหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นที่ เป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ย่านสะพานสูง กทม. กวาดล้างเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์สินเชื่อ SME “ศรีนครเครดิต” และ “Cash For You” ข่มขู่เรียกดอกเบี้ยโหด จับกุมผู้กระทำผิด 5 ราย คือ นายธนกฤต ศิวะจินดาโชติ อายุ 38 ปี นายปิยะบุตร บรรจง อายุ 31 ปี นายนราธิป จันทร์ศรีทา อายุ 23 ปี นายโอภาส ถนอมสัตย์ อายุ 38 ปี และ นายพิทักษ์ กุลธิณี อายุ 25 ปี ในข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 20 เครื่อง แท็บเล็ต 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 5 ใบ และเอกสารเกี่ยวกับการกู้เงินอีกจำนวนหนึ่ง

...

การจับกุมครั้งนี้หลังได้เบาะแสมีกลุ่มเครือข่ายโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “บริษัท ศรีนครเครดิต จำกัด” และเพจเฟซบุ๊ก Cash For You ปล่อยเงินกู้ออนไลน์นอกระบบให้นักลงทุนรายย่อยที่ประกอบธุรกิจ SME กลุ่มขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนถูกกฎหมายได้ ขั้นตอนอนุมัติสินเชื่อไม่ต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตน และไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน เมื่อสินเชื่ออนุมัติกลุ่มคนร้ายจะโอนเงินไปให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงกิ้งของธนาคารไปยังบัญชีธนาคารของผู้กู้ หักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรกและงวดสุดท้ายไว้ก่อน จากนั้นจะเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูงถึงร้อยละ 1.5 ของยอดเงินกู้ต่อวัน หรือร้อยละ 547.5 ต่อปี หากรายใดผิดนัดชำระหนี้ จะถูกโทรศัพท์ข่มขู่หรือส่งคนไประรานถึงบ้านพัก ที่ทำงานสอบสวนทั้งหมดรับสารภาพ นำตัวส่ง กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดี

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่