ผมอ่านเรื่องขี้วัวเต็มคันรถบรรทุกในชวนม่วนชื่น ของพระอาจารย์พรหม หลายเที่ยวแล้ว ยังนึกไม่ออกจะเอาธรรมะบันเทิงหลายเรื่องนี้ไปฝากใคร

ลองๆอ่านกันไป แล้วก็ค่อยๆคิดกันไป

พระอาจารย์พรหม เริ่มต้นเรื่องดังนี้...ลองวาดภาพสิว่า เราเพิ่งสนุกสนานกับเพื่อนมาจากชายหาดเมื่อบ่ายวันหนึ่ง กลับมาเจอขี้วัวกองมหึมา คะเนได้ประมาณหนึ่งคันรถบรรทุก กองอยู่ตรงหน้าบันไดบ้าน

มีสามข้อที่ต้องรู้เกี่ยวกับขี้วัวกองมหึมานี้

ข้อ 1 เราไม่ได้สั่งซื้อขี้วัว ทบทวนอย่างไรไม่ใช่ความผิดพลาดของเราแน่

ข้อ 2 ถามเพื่อนบ้าน ไม่มีใครเห็น ใครเอาขี้วัวมาทิ้ง เราไม่สามารถเรียกใครมารับผิดชอบได้ แน่นอนแล้วขี้วัวกองนี้เป็นของเราแล้ว

ข้อ 3 มันสกปรกมาก น่ารังเกียจมาก กลิ่นเหม็นโฉ่ของมันกระจายไปทั่วบ้าน แทบจะทนไม่ไหวเอาทีเดียว

สิ่งที่ตอบสนองต่อเรื่องขี้วัวมีอยู่สองทาง ทางแรกคือหอบขี้วัวไปไหนมาไหนกับเรา เอาขี้วัวบางส่วนใส่ไว้ในกระเป๋า บางส่วนใส่ไว้ในถุง ใส่ไว้ในเสื้อในกางเกง

สิ่งที่ตามมา เราพบว่าเราเสียเพื่อนไปมากมาย แม้แต่เพื่อนสนิทที่คบหากันมานานยังพลอยหายหน้า

คิดมาถึงแค่นี้ พระอาจารย์พรหม ท่านก็เปรียบเปรยกองขี้วัวหน้าบ้าน เหมือนเราจมอยู่กับความซึมเศร้า เพื่อนๆของเราไม่ชอบที่เราซึมเศร้า

เพราะยิ่งไปกว่านั้น กองขี้วัวไม่ได้ลดขนาดลง แต่กลิ่นของมันนานวันขึ้นก็ยิ่งเหม็น

“โชคยังดี ยังมีทางที่สอง” พระอาจารย์พรหมว่า...

เมื่อเราโดนขี้วัวเต็มรถบรรทุกเทใส่...เราก็ถอนใจสักเฮือกใหญ่ แล้วตั้งหลักเริ่มลงมือทำงาน

เราขนรถเข็น ส้อมง่าม และพลั่ว ออกมา ค่อยๆโกยขี้วัวใส่รถเข็น แล้วก็เข็นรถไปทางหลังบ้านฝังไว้ในสวน

มันเป็นงานที่แสนยาก และน่าเหน็ดเหนื่อยมาก แต่เราก็รู้ว่ามันไม่มีทางเลือก

...

บางคราวเท่าที่เรี่ยวแรงเราทำไหว เราอาจเอาขี้วัวขึ้นรถเข็นได้ครึ่งคันเท่านั้น

วันแล้ววันเล่าที่เราโกยขี้วัว กองขี้วัวเท่าภูเขาก็ค่อยๆเล็กลง งานนี้ไม่แน่ว่าอาจจะกินเวลาหลายปี

และแล้ว ก็มาถึงเช้าวันหนึ่ง ไม่เพียงกองขี้วัวหน้าบ้านหายไป ที่หลังบ้านสวนดอกไม้บานสะพรั่ง สีสันสดสวย กลิ่นหอมโชยออกไปถึงถนน

เพื่อนบ้านและคนที่เดินผ่านยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ

ต้นผลไม้มุมสวนเกือบจะโค่นลงมา เพราะน้ำหนักผลไม้รสหวานอร่อย ชนิดที่หาซื้อไม่ได้จากที่อื่น ปริมาณมันมากเหลือเฟือพอแบ่งปันให้ใครหลายคน

นิทานเรื่องนี้ พระอาจารย์พรหมมีคำสอนให้รู้ว่า ถ้าท่านปรารถนาที่จะปฏิบัติเมตตาภาวนา เผื่อแผ่แก่ผู้คน ทุกครั้งเมื่อเกิดเรื่องร้ายๆในชีวิต แทนการทุกข์เศร้าเหงาแบบคนทั่วไป ท่านจงกล่าวว่า

“ไชโย! ได้ปุ๋ยสำหรับสวนของฉันอีกแล้ว”

อ่านเรื่องนี้จบ ผมนึกถึงบ้านหลังใหญ่...ที่เรียกกันว่าทำเนียบรัฐบาล...เจ้าของบ้านคนใหม่ดูเหมือนจะเจอกองขี้วัวจากรถบรรทุกเทลงหน้าบ้านทุกวัน วันละหลายๆคัน

สามสี่เดือนมานี่ ท่านก็ขยันขนขึ้นรถเข็นเอาไปทำปุ๋ยหลังบ้าน...ยังไม่มีอาการ...เหนื่อย เบื่อ หรือบ่น ออกมา

หากไม่มีสถานการณ์พลิกผัน...ให้เกิดเป็นลมล้มฟุบ...ลงกลางคัน...บ้านเมืองเรามีเค้าจะมีนายกรัฐมนตรี ที่ขยันที่สุด เก่งที่สุด อีกหนึ่งคน.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม