กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ยังเกินค่ามาตรฐานอื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเหนือ ภาคกลาง ตามจังหวัดลุ่มเจ้าพระยา รวมถึง กทม.และปริมณฑล หนักสุดวิกฤติระดับสีแดง ที่ ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร ด้าน “จิสด้า” ชี้ 4 จังหวัด “สมุทรสาคร นนทบุรี อ่างทอง อยุธยา” น่าห่วง ขณะที่ทั่วประเทศเจอจุดความร้อน 90 จุด เกินครึ่งพบในพื้นที่การเกษตรสูงสุดที่ “สระบุรี อุตรดิตถ์ ขอนแก่น” ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาคาดหลังจาก 17 ธ.ค. สถานการณ์จะดีขึ้น โดย กทม.การระบายอากาศเริ่มดี ส่งให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลง

แม้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่สภาพฝุ่นยังปกคลุมเต็มฟ้าเมืองไทย โดยเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานการตรวจสอบคุณภาพอากาศ ณ เวลา 07.00 น. ภาพรวมปริมาณฝุ่นขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) พบเกินค่ามาตรฐานใน จ.ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรปราการ จ.พิษณุโลก จ.อุทัยธานี จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.อ่างทอง จ.สุพรรณบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ราชบุรี จ.สมุทรสงคราม จ.หนองคาย จ.กาฬสินธุ์ และ จ.นครราชสีมา

เมื่อแยกรายภาค ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 2 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 14.3-38.6 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 3 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 15.1-46.1 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 24.8-55.2 มคก./ลบ.ม.ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ตรวจวัดได้ 13.7-33.9 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก ตรวจวัดได้ 9.1-18.1 มคก./ลบ.ม. คาดการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ 7 วันข้างหน้า ส่วนใหญ่จะดีขึ้น เว้น จ.พิจิตร และ จ.พิษณุโลก เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง

...

ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” พบทุกพื้นที่ กทม. มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน โดยมี 28 เขตที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพระดับสีแดง สูงสุดที่บางกอกใหญ่ ธนบุรี หนองแขม คลองสาน ภาษีเจริญ สัมพันธวงศ์ บางกอกน้อย ฯลฯ ในขณะที่อีก 22 เขต เกินค่ามาตรฐานระดับสีส้ม ในขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศยังเกินมาตรฐาน 42 จังหวัด มี 4 จังหวัดสูงระดับสีแดง ได้แก่ สมุทรสาคร นนทบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา

ส่วนจุดความร้อน (Hot Spot) ทั้งประเทศพบ 90 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่การเกษตร 49 จุด ตามด้วย สปก. 21 จุด ชุมชนและอื่นๆ 13 จุด ป่าสงวนแห่งชาติ 4 จุด พื้นที่ริมทางหลวง 2 จุด และป่าอนุรักษ์ 1 จุด จังหวัดที่พบจำนวนจุดความร้อนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ สระบุรี 12 จุด อุตรดิตถ์ 7 จุด และขอนแก่น 5 จุด ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านที่พบจุดความร้อน 3 อันดับแรก ได้แก่ เมียนมา 154 จุด กัมพูชา 107 จุด และเวียดนาม 104 จุด ส่วนไทยอยู่อันดับ 4 พบ 90 จุด

ขณะที่ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สรุปผลการตรวจวัด PM 2.5 วันที่ 16 ธ.ค. เวลา 05.00- 07.00 น. ตรวจวัดได้ 27.9-64.0 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 40.0 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกินมาตรฐาน อยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 46 พื้นที่

ทั้งนี้ ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ในช่วง 27.9-64.0 มคก./ลบ.ม. มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผล กระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 44 พื้นที่ 5 จุดที่พบค่าฝุ่นสูงสุดได้แก่ 1.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 ตรวจวัดได้ 64.0 มคก./ลบ.ม. 2.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน ตรวจวัดได้ 55.7 มคก./ลบ.ม. 3.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย ตรวจวัดได้ 52.5มคก./ลบ.ม.4.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตรวจวัดได้ 51.7 มคก./ลบ.ม. และ 5.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 ตรวจวัดได้ 51.1 มคก./ลบ.ม.

...

ในพื้นที่ปริมณฑล ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม วัดได้ 44.4 มคก./ลบ.ม. ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี วัดได้ 39.3 มคก./ลบ.ม. ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี วัดได้ 56.5 มคก./ลบ.ม. ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี วัดได้ 40.5 มคก./ลบ.ม. ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทร ปราการ วัดได้ 43.4 มคก./ลบ.ม. ต.บางโปรง อ.เมืองสมุทรปราการ วัดได้ 39.2 มคก./ลบ.ม. ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ วัดได้ 53.7 มคก./ลบ.ม. ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร วัดได้49.2 มคก./ลบ.ม. และ ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร วัดได้ 78.1 มคก./ลบ.ม.ซึ่งที่จุดนี้ ค่าฝุ่นพุ่งขึ้นไปอยู่ระดับสีแดงที่ 79.4 มคก./ลบ.ม.ในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน

ทั้งนี้ ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ได้ออกคำเตือนแก่ประชาชนว่า ประชาชนทั่วไปควรใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น สวมหน้ากากป้องกัน PM 2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร และจำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ส่วนประชาชนกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ที่ต้อง ดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ให้รีบไปพบแพทย์

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า สภาพอากาศประเทศไทยตอนบน บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศจีนตอนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ในวันที่ 16 ธ.ค. หลังจากนั้นจะแผ่ปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกในระยะต่อไป ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

...

ส่วนฝุ่นละอองในระยะนี้ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีการสะสมฝุ่นละออง/ หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุม มีกำลังอ่อนถึงปานกลาง และมีการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี ประกอบกับสภาวะอากาศใกล้พื้นผิวมีลักษณะปิด จึงคาดว่าความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มสะสมตัว แต่หลังจากนั้น ในช่วงวันที่ 17-23 ธ.ค. การระบายอากาศเริ่มดีขึ้น ทำให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลง และคาดการณ์วันนี้มีท้องฟ้าโปร่ง

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่