วันเสาร์สบายๆวันนี้ไปคุยเรื่อง Soft Power “พลังอ่อน” กันนะครับ คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ไทยรัฐ กรุ๊ป” เรื่อง Soft Power ว่า จะมีการตั้งหน่วยงาน Thailand Creative Content Agency (THACCA)  สังกัดสำนักนายกฯ มีนายกฯเป็นประธานเพื่อผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ไม่ให้ถูกทิ้งเหมือน รัฐบาลทักษิณ ที่ทำเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จะมีการตั้งงบประมาณให้ปีละ 10,000 ล้านบาท เท่ากับ Korea Creative Content Agency (KOCCA) ของเกาหลีใต้ ระหว่างนี้จะบูรณาการงบประมาณจากกระทรวงต่างๆ นำมาใช้ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ให้ได้ปีละ 7,000 ล้านบาทก่อน

ระดับ คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลงมือเอง ผมเชื่อว่างบ 7,000 ล้านบาท หาได้แน่นอน โอกาสที่ “อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ไทย” จะเป็นจริง ก็เป็นไปได้สูงยิ่ง

คุณแพทองธาร บอกว่า เนื้องานเรื่องซอฟต์พาวเวอร์มีทั้งหมด 11 อุตสาหกรรม ได้แก่ 1.ครัวไทยสู่ครัวโลก (ที่ล้มเหลวมาแล้วอย่างน่าเจ็บปวด) 2.ดันมวยไทยไปไกลระดับโลก (ตอนนี้ก็ไปไกลพอสมควรแล้ว) 3.The World’s Festival Country (ข้อนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งและทำได้ทันที) 4.การท่องเที่ยวคุณภาพสูงอย่างยั่งยืน   5.คนคุณภาพดนตรีคุณภาพผลงานที่ทั่วโลกยอมรับ (ต้องใช้เวลาอีกนานและต่อเนื่อง) 6.หนังสือสร้างคนสร้างชาติ  (ข้อนี้ขอเอาใจช่วยให้สำเร็จ) 7.ผลักดันภาพยนตร์และซีรีส์ไทยสู่ตลาดโลก  8.ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเกมในภูมิภาค 9.Asean Art Captial 10.Thailand as Brand 11.ยกระดับแฟชั่นสู่ไลฟ์สไตล์ใหม่ที่เน้นคุณค่าคุณภาพ และความคิดสร้างสรรค์ ทั้งหมดนี้จะมี คณะอนุกรรมการ 12 คณะ

...

การตั้ง THACCA ต้องมีกฎหมายรองรับ จะใช้เวลา 6 เดือนในการร่างกฎหมายเสนอ ครม. คาดว่า จะเข้าสู่สภาได้ภายในหนึ่งปีประมาณเดือนตุลาคม 2567 ไม่รู้ว่า จะได้เริ่มสร้าง Soft Power จริงต้องใช้เวลาอีกกี่ปี แค่เห็นคณะอนุกรรมการ 12 ชุดก็เหนื่อยแล้ว

Soft Power เป็นพลังอำนาจทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติในทุกมิติทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิต อาหารการกิน เพลง ภาพยนตร์ แฟชั่นการแต่งกาย วัฒนธรรมต่างๆ  ที่สามารถทำให้คนในชาติและต่างชาติเกิดความสนใจติดตามจำนวนมาก จนสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศ และก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจในประเทศจากกิจกรรมที่เกิดขึ้น ก็อยู่ใน 11 ข้อที่ คุณแพทองธาร ระบุ แต่ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจนเป็นที่พูดกันทั่วโลกก็คือ คอนเสิร์ต และ ภาพยนตร์ซีรีส์ของเกาหลีใต้ ที่เกิดจากความมุ่งมั่นของรัฐบาล

แต่ในหลายประเทศ Soft Power ที่เกิดขึ้นก็เป็นผลมาจาก “คุณภาพ” ของผลงานที่เกิดขึ้น จากศิลปินเอง ค่ายเพลง และ ผู้สร้างภาพยนตร์ ต่างๆ

คอนเสิร์ตที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในโลกปีนี้ นอกจาก Blackpink ที่คนไทยรู้จักกันดีแล้วก็คือ คอนเสิร์ต Eras Tour ของนักร้องสาว Taylor Swift  ที่สามารถทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ของการแสดงคอนเสิร์ต มีการประเมินกันว่า คอนเสิร์ต Eras Tour ของ Taylor Swift ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯสูงถึง 5,700 ล้านดอลลาร์ ราว 2 แสนล้านบาท จากการจองห้องพักโรงแรม การเดินทาง ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าอาหารการกินการดื่ม การซื้อของที่ระลึก ฯลฯ นอกเหนือจากค่าตัวและรายได้จากการขายตั๋วคอนเสิร์ต

คอนเสิร์ตที่แสดงทั้งหมด เธอยังทำเป็นหนังฉายในโรงภาพยนตร์ แค่ขายตั๋วล่วงหน้าก็รับไปแล้วกว่า 80 ล้านดอลลาร์ ราว 2,800 ล้านบาท รายได้ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากคอนเสิร์ตเดียวนะครับ

แอปการท่องเที่ยว ทราเวลโก้ เคยเสนอว่า ประเทศไทยควรจะผลักดันตัวเองให้เป็น Universal Music Destination ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ถ้า Taylor Swift มาแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทย (ยกเลิกตอน คสช.ปฏิวัติ) Tomorrowland มาจัดเทศกาลดนตรี EDM ที่เมืองไทยแค่สองงานก็โกยเงินเข้าประเทศเป็นเงินนับแสนล้านบาทแล้ว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม