ประเพณีลอยกระทงไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มตั้งแต่สมัยใด แต่เชื่อว่าเป็นประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย

โดยในรัชสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เรียกประเพณีลอยกระทงนี้ว่า “พิธีจองเปรียง” หรือ “การลอยพระประทีป” และมีหลักฐานจากศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟว่า เป็นงานรื่นเริงที่ใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย ทำให้เชื่อกันว่างานดังกล่าวน่าจะเป็น งานลอยกระทง

ปี 2566 นี้ จังหวัดสุโขทัยกำหนดจัดงานประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมือง ระหว่างวันที่ 18-27 พ.ย.

มรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่าตกทอดมาแล้วกว่า 700 ปีแต่ครั้งกรุงสุโขทัย ดินแดนรุ่งอรุณแห่งความสุข เป็นปฐมราชธานี

นอกจากนี้จะมีพิธีตักบาตรรับรุ่งอรุณแห่งความสุข ณ สะพานบุญ วัดตระพังทอง พิธีบวงสรวงบุรพกษัตริย์สุโขทัยทุกพระองค์ ณ พระบรม ราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

การประกวดกระทงเล็ก กระทงใหญ่ พนมหมาก พนมดอกไม้ การประกวดโคมชักโคมแขวน ขบวนแห่นางนพมาศ และขบวนอัญเชิญไฟพระฤกษ์และพระประทีปพระราชทานของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศ์รวม 12 พระองค์

ที่พระราชทานมาลอยเป็นปฐมฤกษ์ในสระน้ำโบราณหรือตระพังตระกวน ณ วัดสระศรี

ภาคกลางคืนยังมีกิจกรรมข้าวขวัญวันเล่นไฟ การแสดงประกอบแสงเสียง (Light &Sound) การแสดงตำนานท้าวศรีจุฬาลักษณ์ การแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง การจำลองตลาดโบราณสมัยกรุงสุโขทัย (ตลาดแลกเบี้ย) และการประกวดนางนพมาศอีกด้วย

นายสุชาติ ทีคะสุข พ่อเมืองสุโขทัย กล่าวว่า ปีนี้เราสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้อย่างเต็มที่ถึง 10 วัน 10 คืน

...

จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมของเมืองสุโขทัยอย่างแท้จริง เชื่อว่าจะประทับใจและตราตรึงในมนต์เสน่ห์ งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟของ จ.สุโขทัย ไปอีกนานแสนนาน.

พิษณุ ล้อมวงษ์โสภณ รายงาน

คลิกอ่านคอลัมน์ "มองทั่วทิศเมืองไทย" เพิ่มเติม